ในวันที่ 12 มิถุนายน 2568 รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ประกาศยุติการซื้ออินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าจาก ประเทศไทย พร้อมตัดการเชื่อมต่อสายไฟเบอร์จากไทย ซึ่งตอบโต้ปัญหาความตึงเครียดชายแดนกับไทย หลังเหตุการณ์ยิงกันที่เขตพระวิหาร เมื่อเดือนพฤษภาคม โดยอ้างว่าเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามจากกลุ่มสุดโต่งในไทยที่มีการกดดันให้ตัดเน็ต-ไฟฟ้าของกัมพูชา และสร้างความมั่นคงด้านโครงข่ายของตนเอง ปฏิบัติการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา และยืนยันว่าไม่กระทบต่อผู้ใช้ในกรุงพนมเปญ

นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ระบุว่าได้รับข้อมูลจากรัฐมนตรีกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม ว่ามีข่าวในสื่อสังคมของไทยเรียกร้องตัดไฟและเน็ตไทย–กัมพูชาเพื่อกดดันรัฐบาล เพื่อป้องกันไม่ให้ไทย “ตกอยู่ในภาวะต้องตัดสินใจยาก” กัมพูชาจึงตัดสินใจที่จะอาศัยโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศของตัวเองเพื่อความมั่นคงที่ยั่งยืน

สำนักข่าว BSS/AFP รายงานว่าในพื้นที่ชายแดน เช่น ปอยเปตและจังหวัดรอบนอก อินเทอร์เน็ตที่ใช้สายจากไทยมีความเร็วช้าลงชัดเจน บางพื้นที่ถึงกับหลุดเชื่อมต่อชั่วคราว ในขณะที่กรุงพนมเปญและเขตเมืองหลักยังใช้งานได้ปกติ เนื่องจากโครงข่ายของผู้ให้บริการภายในประเทศทำงานอิสระ ไม่ผูกกับสายสัญญาณของไทย

ฮุนเซน สั่งแบนหนังไทย

นอกจากนี้ สมเด็จฮุนเซนประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ยังสั่งระงับการออกอากาศภาพยนตร์ไทยในทีวีและโรงภาพยนตร์ พร้อมเรียกร้องให้พิจารณาการแบนสินค้าไทยหากความตึงเครียดยังคงดำเนินต่อ มาตรการดังกล่าวถือเป็นการตอบโต้ที่สะท้อนถึงความไม่พอใจทางการเมืองและสังคมที่มีต่อไทยในช่วงนี้

จับตาประชุม JBC

การตัดอินเทอร์เน็ตของกัมพูชาสะท้อนให้เห็นความตึงเครียดชายแดนที่ทำท่าจะยืดเยื้อ การปะทะกันของทหาร–ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและนำมาสู่การประชุมคณะกรรมการเขตชายแดน (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายน โดยทางกัมพูชายังหวังให้รัฐบาลไทยตัดสินใจถอนทหารจากพื้นที่ขัดแย้ง ร่วมกระบวนการเจรจา และอาจเปลี่ยนแนวทางต่างประเทศ เช่น ยื่นฟ้อง ICJ เพื่อหาทางออก “แบบสันติภาพ”