วันที่ 18–19 มิถุนายน 2568 ประชาชนใน อิหร่าน เผชิญการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ หลังการโจมตีอย่างหนักจาก อิสราเอล ซึ่งส่งผลให้ระบบออนไลน์ รวมถึงเครือข่ายมือถือไม่สามารถใช้งานได้ โดยรัฐบาลประกาศว่าเป็นการปิดกั้นชั่วคราวเพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ และรักษาความมั่นคงในช่วงความตึงเครียดรุนแรงนี้

อินเทอร์เน็ตสะดุดหนัก สัญญาณดิ่ง 97%

องค์กรตรวจสอบอินเทอร์เน็ต NetBlocks และ Cloudflare รายงานว่า การเชื่อมต่อเครือข่ายลดลงถึง 97% เมื่อเทียบกับระดับปกติ โดยการตัดสัญญาณเริ่มขึ้นในคืนวันที่ 18 มิถุนายน และยืดเยื้อต่อเนื่องจนกระทั่งวันถัดมา

ผลกระทบรวมทั้งการเข้าเว็บไซต์ต่างประเทศ, การใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียล อย่าง WhatsApp, Telegram, Instagram, และ X ถูกจำกัดหรือใช้งานไม่ได้ ส่งผลให้ประชาชนลำบากในการติดต่อสื่อสารและเข้าถึงข่าวสาร

กระทรวงคมนาคมอิหร่านแจ้งว่า การจำกัดเป็น “มาตรการชั่วคราว” เพื่อป้องกันการใช้เครือข่ายสื่อสารเป็นเครื่องมือโจมตีไซเบอร์จากฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะจากอิสราเอล

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า รัฐสั่งให้ประชาชนลบแอป WhatsApp เนื่องจากเชื่อว่าอาจถูกใช้สอดแนม ขณะที่ WhatsApp ได้ออกตัวว่าไม่ได้มีการเก็บข้อมูลจำนวนมากให้รัฐบาลแต่อย่างใด

โครงสร้างพื้นฐานโดนถล่ม กระทบการสื่อสาร

การโจมตีทางทหารของอิสราเอลมุ่งเน้นเป้าไปยังโรงงานนิวเคลียร์ เช่น โรงไฟฟ้าใน Natanz และบริเวณอิหร่านตอนกลาง ทำให้ระบบไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย ส่งผลให้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตยิ่งถดถอยอย่างมาก

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าการโจมตีไซเบอร์เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น การแฮกเว็บไซต์ธนาคาร Sepah Bank และตลาดคริปโต Nobitex เกิดความเสียหายทั้งในระบบธุรกรรมและความเชื่อมั่นทางการเงิน

ประชาชนในเมืองใหญ่เช่น เตหะราน, อิสฟาฮาน, และ ชิราซ พบว่าสัญญาณเน็ตทะลุรื้อหลายวันติดต่อกัน ทำให้ไม่สามารถใช้ GPS, ทำธุรกรรม หรือสื่อสารกับญาติในต่างประเทศได้เลย

แหล่งข่าวบางรายเรียกว่าเป็น “การตัดขาดจากโลกภายนอก” นำไปสู่ความวิตก ความกลัว และลำบากใจอย่างหนักในช่วงวิกฤต