เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 เครื่องบินของ เออร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประสบปัญหาสัญญาณ GPS ถูกรบกวนระหว่างการเดินทางไปยังประเทศบัลแกเรีย เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากกระทบต่อความปลอดภัยการบิน โดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงคาดว่าเบื้องหลังอาจเป็นฝีมือของ รัสเซีย ซึ่งมีประวัติถูกกล่าวหาว่าใช้เทคโนโลยีก่อกวนสัญญาณดาวเทียมในหลายพื้นที่มาแล้ว

ระบบนำทางขัดข้อง นักบินใช้แผนที่กระดาษลงจอด

รายงานระบุว่า นักบินต้องเผชิญกับการรบกวนสัญญาณดาวเทียมอย่างหนักในระหว่างการบิน ทำให้ระบบนำทางหลักไม่สามารถใช้งานได้ จำเป็นต้องอาศัยการนำทางสำรองจากหอควบคุมภาคพื้นดิน รวมถึงการใช้ แผนที่กระดาษ เพื่อให้เครื่องบินสามารถลงจอดที่สนามบินในบัลแกเรียได้อย่างปลอดภัย

แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายโดยตรง แต่ถือเป็นการตอกย้ำถึงความเปราะบางของระบบการบินยุคใหม่ที่พึ่งพาการนำทางด้วยดาวเทียมเป็นหลัก และยิ่งมีนัยสำคัญมากขึ้นเมื่อผู้โดยสารคือผู้นำระดับสูงของสหภาพยุโรป

EU ชี้เป้าไปที่รัสเซียหลังพบพฤติกรรมซ้ำซาก

เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปกำลังสอบสวนหาต้นตอของการรบกวนสัญญาณ โดยหลายฝ่ายเชื่อมโยงไปยัง รัสเซีย เนื่องจากมีประวัติการใช้เทคนิค GPS jamming (ก่อกวนสัญญาณ) และ GPS spoofing (ปลอมแปลงสัญญาณ) เพื่อกดดันชาติสมาชิกของ NATO และ EU มาแล้วหลายครั้ง

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเตือนว่า หากรัสเซียอยู่เบื้องหลังจริง จะเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองและการทหารที่ชัดเจน ว่าการก่อกวนระบบนำทางอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือใน “สงครามไฮบริด” ที่ไม่ต้องใช้กำลังทหารตรงๆ แต่สร้างผลกระทบกว้างขวางต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ

ประเด็นความปลอดภัยการบินระหว่างประเทศ

กรณีเครื่องบินของ เออร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ถูกก่อกวนสัญญาณจีพีเอสครั้งนี้ เป็นสัญญาณเตือนสำคัญต่อประชาคมโลก เกี่ยวกับความปลอดภัยของการบินพาณิชย์และการเดินทางของผู้นำระดับสูง ซึ่งอาจตกเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

หลายฝ่ายเรียกร้องให้สหภาพยุโรปและองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ร่วมกันยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านการนำทาง เพื่อป้องกันการก่อกวนสัญญาณดาวเทียมที่อาจกลายเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัล