โซล, 2 กันยายน 2568 – สำนักข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ทหารเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปสนับสนุนการสู้รบของรัสเซียในสมรภูมิยูเครน ได้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2,000 นาย นับตั้งแต่ถูกส่งไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลต่อประชาคมโลก เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวของพันธมิตรทางทหารระหว่างมอสโกและเปียงยาง ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกยังยืดเยื้อและรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เกาหลีเหนือส่งกำลังพลช่วยรบในยูเครน
ข้อมูลจากฝ่ายข่าวกรองเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือได้จัดส่งทหารจำนวนหลายพันนายเข้าร่วมปฏิบัติการในแนวรบทางตะวันออกของยูเครน โดยส่วนใหญ่ทำหน้าที่ในพื้นที่สนับสนุนเชิงยุทธวิธี รวมถึงการเสริมกำลังในแนวหน้า รายงานยังชี้ว่า ทหารเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมอย่างเร่งด่วนก่อนถูกส่งตัวไป แต่เผชิญกับความสูญเสียอย่างหนักจากการโจมตีของกองกำลังยูเครน
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 นายถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า การตัดสินใจของ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในการสนับสนุนรัสเซีย อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ยากจะยอมรับได้ ทั้งยังเพิ่มแรงกดดันต่อเสถียรภาพภายในประเทศ

รัสเซียพึ่งพาความช่วยเหลือจากพันธมิตร
นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงระบุว่า รัสเซียกำลังประสบปัญหาขาดแคลนกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากประเทศพันธมิตรอย่างเกาหลีเหนือ ทั้งในรูปแบบการจัดส่งอาวุธ กระสุน และกำลังทหาร การที่ทหารเกาหลีเหนือต้องเสียชีวิตจำนวนมากจึงสะท้อนถึงความรุนแรงของสมรภูมิ และความเสี่ยงที่พันธมิตรของรัสเซียต้องเผชิญ
ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า ความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนืออาจส่งผลกระทบต่อสมดุลทางการทูตในเอเชียตะวันออก เนื่องจากเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่พอใจต่อสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งกำลังจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ความเคลื่อนไหวของประชาคมโลก
ประชาคมนานาชาติแสดงความกังวลต่อรายงานนี้ โดยเฉพาะประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและผลกระทบต่อพลเรือนยูเครน ขณะเดียวกัน สหประชาชาติยังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางออกด้วยสันติวิธี พร้อมเตือนว่าการขยายความร่วมมือทางทหารอาจยิ่งทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อและขยายวงกว้าง
เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลโซลระบุว่า เกาหลีใต้จะใช้ช่องทางความร่วมมือกับพันธมิตรสากลในการติดตามสถานการณ์ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อความมั่นคงภูมิภาค และเตรียมมาตรการรับมือหากความขัดแย้งมีแนวโน้มลุกลาม