กระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติ (OFAC) ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ต่อเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังพบว่ากลุ่มสแกมเมอร์ในเมียนมาและกัมพูชา ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาวอเมริกันรวมกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 370,000 ล้านบาท ภายในปี 2024 เพียงปีเดียว
มาตรการดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่เมืองชเวก๊กโกในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา และเมืองสีหนุวิลล์ของกัมพูชา ซึ่งถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ ค้ามนุษย์ และบังคับใช้แรงงาน โดยมีรายงานว่าผู้เสียหายจำนวนมากถูกหลอกไปทำงาน ก่อนถูกกักขัง ทารุณกรรม และบังคับให้ก่ออาชญากรรมทางออนไลน์
หนึ่งในเป้าหมายหลักคือโครงการ Yatai New City ที่ชเวก๊กโก ซึ่งพัฒนาโดยนักธุรกิจเชื้อสายจีน ร่วมกับกองกำลังกะเหรี่ยง (KNA) ที่ถูกขึ้นบัญชีดำมาก่อนหน้านี้ พื้นที่ดังกล่าวถูกเปลี่ยนจากหมู่บ้านเล็กริมแม่น้ำเมยให้กลายเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ใช้เป็นฐานการพนัน ยาเสพติด และไซเบอร์สแกม

ในกัมพูชา OFAC ยังคว่ำบาตรบริษัทและนักธุรกิจหลายรายในสีหนุวิลล์และบาเว็ต ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคาสิโนเถื่อน ศูนย์สแกมเมอร์คริปโต การฟอกเงิน และการบังคับใช้แรงงาน
จอห์น เค. เฮอร์ลีย์ รัฐมนตรีช่วยด้านการข่าวกรองการเงินและการก่อการร้าย ระบุว่า อุตสาหกรรมไซเบอร์สแกมในภูมิภาคนี้ไม่เพียงทำลายความมั่นคงทางการเงินของสหรัฐฯ แต่ยังสะท้อนถึงการใช้แรงงานทาสสมัยใหม่ โดยการหลอกลวงส่วนใหญ่เป็นการลงทุนคริปโตและหลอกลวงทางความรักออนไลน์
การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ทำให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวพันกับบุคคลหรือบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรในสหรัฐฯ ถูกอายัดทันที พร้อมเตือนว่าธุรกิจหรือสถาบันการเงินใดที่ยังทำธุรกรรมกับผู้ถูกคว่ำบาตรอาจเผชิญโทษทางแพ่งและอาญา
OFAC ย้ำว่า จุดประสงค์ของมาตรการครั้งนี้ไม่ใช่การลงโทษเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และหยุดยั้งเครือข่ายอาชญากรรมที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน