ที่ประชุมสุดยอดโลก ณ เมืองชาร์มเอลชีค ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมผู้นำจากหลายประเทศ ร่วมลงนามใน “ข้อตกลงหยุดยิงกาซา” เพื่อยุติความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ปีในภูมิภาคตะวันออกกลาง ข้อตกลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญทางการทูต ที่เปิดทางสู่การฟื้นฟูฉนวนกาซา และการจัดตั้ง “คณะกรรมการสันติภาพ” เพื่อวางรากฐานการบริหารชั่วคราวหลังสงคราม
ทรัมป์ประกาศ “บทใหม่ของตะวันออกกลาง” หลังข้อตกลงหยุดยิง
บรรยากาศในที่ประชุมผู้นำโลกที่เมืองชาร์มเอลชีคเต็มไปด้วยสัญญาณแห่งความหวัง หลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำจากอียิปต์ ปากีสถาน ฮังการี และสหภาพยุโรป ร่วมลงนามในข้อตกลงหยุดยิงฉนวนกาซา โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติการสู้รบที่คร่าชีวิตผู้คนกว่าแสนราย และทำลายโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคอย่างรุนแรง
ข้อตกลงฉบับนี้เน้นย้ำพันธสัญญาของประเทศผู้ร่วมลงนามที่จะสร้าง “สันติภาพที่ยั่งยืน” ให้ชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ได้อยู่ร่วมกันอย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี โดยมีถ้อยคำสำคัญระบุว่า “นี่คือบทใหม่สำหรับภูมิภาค” ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของนานาชาติในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งสู่ความร่วมมือ

ก้าวต่อไปของกาซา: ฟื้นฟู สร้างใหม่ และปลดอาวุธ
หลังการลงนาม ทรัมป์ กล่าวปราศรัยในฐานะ “นักเจรจาข้อตกลง (Dealmaker)” ว่าข้อตกลงนี้อาจเป็น “ดีลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษ” พร้อมย้ำว่าความท้าทายต่อไปคือการฟื้นฟูฉนวนกาซาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทรัมป์เผยว่า หลายประเทศที่มี “ความมั่งคั่งและศักดิ์ศรีทางเศรษฐกิจ” แสดงความพร้อมจะเข้ามาช่วยลงทุนในโครงการฟื้นฟูและสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในกาซา โดยเขาเน้นว่าความช่วยเหลือนี้จะต้องมาพร้อมกับการ “ปลดอาวุธ” ของพื้นที่ และการจัดตั้ง “กองกำลังตำรวจพลเรือนที่ซื่อสัตย์” เพื่อรับประกันความปลอดภัยของประชาชน
ตั้ง “คณะกรรมการสันติภาพ” ดูแลรัฐบาลชั่วคราวหลังสงคราม
ในถ้อยแถลงของทรัมป์ ยังได้เปิดเผยถึงแผนการจัดตั้ง คณะกรรมการสันติภาพ (Board of Peace) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นองค์กรระหว่างประเทศชุดใหม่ เพื่อบริหารช่วงเปลี่ยนผ่านหลังการถอนกำลังของกลุ่ม ฮามาส
คณะกรรมการนี้จะดูแลกระบวนการตั้งรัฐบาลชั่วคราวในฉนวนกาซา เพื่อวางรากฐานการปกครองแบบพลเรือน และเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในอนาคต ทรัมป์กล่าวว่า “เราจะให้พวกคุณบางคนอยู่ในคณะกรรมการสันติภาพ ทุกคนอยากจะอยู่ในคณะนี้” ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างกลไกระหว่างประเทศเพื่อคงไว้ซึ่งเสถียรภาพระยะยาว
แลกตัวประกัน-ปล่อยนักโทษ: สัญญาณแห่งความร่วมมือครั้งใหม่
ข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้มาพร้อมการแลกเปลี่ยนเชิงสัญลักษณ์ระหว่าง อิสราเอล และ ฮามาส โดยฮามาสได้ปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 20 คนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่อิสราเอลปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์กว่า 1,700 คนกลับสู่บ้านเกิด
ทรัมป์กล่าวว่าการได้เห็นครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง “เป็นภาพที่เต็มไปด้วยความรักและความเศร้าในเวลาเดียวกัน” ทั้งนี้ ฮามาสยังได้ส่งมอบร่างของตัวประกันที่เสียชีวิตแล้ว 4 รายจากทั้งหมด 28 ราย ขณะที่ยังไม่สามารถระบุที่อยู่ของอีก 24 ร่างได้