ทรัมป์ขู่ยุติทำธุรกิจกับจีน ตอบโต้ไม่ซื้อถั่วเหลืองสหรัฐ

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดชนวนความตึงเครียดทางการค้ากับจีนอีกระลอก ด้วยการขู่จะ “ยุติการทำธุรกิจบางอย่างกับจีน” โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันปรุงอาหาร หลังจีนเมินซื้อ ถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกหลักของภาคเกษตรอเมริกัน การประกาศดังกล่าวมีขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กำลังเดินหน้าควบคุมดุลการค้ากับจีน

ทรัมป์โต้จีน “ไม่ซื้อถั่วเหลือง” ลั่นพร้อมตัดขาดธุรกิจบางส่วน

โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุผ่าน Truth Social ว่า การที่รัฐบาลจีน “จงใจไม่ซื้อถั่วเหลืองจากเกษตรกรสหรัฐฯ” ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรทางเศรษฐกิจ และสร้างความเสียหายโดยตรงต่อเกษตรกรอเมริกันที่เป็นฐานเสียงสำคัญของเขา พร้อมประกาศว่า สหรัฐฯ อาจพิจารณายุติการค้าขายกับจีนในบางภาคส่วน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันปรุงอาหารและวัตถุดิบอื่น ๆ

ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ สามารถผลิตน้ำมันปรุงอาหารได้เองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจีน พร้อมย้ำว่ามาตรการตอบโต้ครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ” และสร้างความเป็นธรรมทางการค้าในระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลให้สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

จุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ หลังประกาศภาษีสินค้าจีน 100%

ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ ทรัมป์ เพิ่งประกาศแผนตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนสูงถึง 100% ส่งผลให้ตลาดเงินและคริปโตทั่วโลกผันผวนหนัก จนรัฐบาลต้องเร่งหาทางผ่อนคลายสถานการณ์ผ่านช่องทางการทูต ขณะที่ฝ่ายจีนยังคงรักษาท่าทีระมัดระวัง โดยยังไม่ตอบโต้ด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจที่รุนแรง

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การเคลื่อนไหวของทรัมป์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมีมิติทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีหน้า ซึ่งการแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีนมักเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม

สงครามการค้า “สหรัฐฯ-จีน” ส่อปะทุแรงอีกครั้ง

การขู่ยุติธุรกิจกับจีนของทรัมป์อาจสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหม่ในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในภาคเกษตรและพลังงาน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่เชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระบุว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้ามาตรการดังกล่าวจริง อาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก และทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นในหลายภูมิภาค

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายจับตาว่า จีนจะตอบโต้ด้วยมาตรการใด หรือเลือกใช้แนวทางทางการทูตเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ ซึ่งอาจสั่นสะเทือนเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายปี 2568

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ค้าน “สุชาติ” นั่งประธาน ป.ป.ช. ชี้ขัดกฎหมาย

อังกฤษ-สหรัฐฯ คว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ “Prince Group” ในกัมพูชา ฟอกเงิน-ค้ามนุษย์สูญ 5 แสนล้านบาท