วันที่ 15 ตุลาคม 2568 – สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกโรงชี้แจงกรณีสื่อบางแห่งรายงานว่าได้กดดันไทยให้เปิดชายแดนภายในวันที่ 20 ตุลาคม โดยยืนยันว่า กัมพูชาไม่เคยร้องขอหรือกดดันประเทศไทย แต่อย่างใด พร้อมประกาศจุดยืนชัด “หากไทยจะปิดต่ออีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ตาย” ตอกย้ำท่าทีของกัมพูชาที่รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งชาติ
ฮุน เซน ย้ำ “กัมพูชาไม่เคยร้องขอ” ไทยเปิดพรมแดน
สมเด็จเตโช ฮุน เซน ได้โพสต์ผ่านบัญชีเฟซบุ๊กทางการเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ยืนยันว่า ข่าวที่อ้างว่าตนลดท่าทีและร้องขอให้ไทยเปิดชายแดนในวันที่ 20 ตุลาคมนั้น “ไม่เป็นความจริง” โดยระบุว่า “กัมพูชาไม่เคยลดศักดิ์ศรีของตนลงไปขอให้ไทยเปิดพรมแดน”
ในเวลาต่อมา นายเจีย ธีรึท โฆษกวุฒิสภากัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงอย่างเป็นทางการ ปฏิเสธคำกล่าวของ พลเรือตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหมไทย ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ฮุน เซนได้กดดันให้ประเทศไทยเปิดจุดผ่านแดนภายในวันที่ 20 ตุลาคม โดยโฆษกกัมพูชาย้ำว่าข้อมูลดังกล่าว “ไม่ถูกต้อง” และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างสองประเทศ

ท่าทีชัดเจนของกัมพูชา: “ไทยปิดเอง ก็ต้องเปิดเอง”
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 สมเด็จเตโช ฮุน เซน เคยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงจุดยืนของกัมพูชาในกรณีชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่า “ตั้งแต่กองทัพไทยปิดชายแดนฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่เคยร้องขอให้ไทยเปิดอีกเลย” และกล่าวเพิ่มเติมว่า
“ในเมื่อไทยเป็นฝ่ายปิด ไทยก็ต้องเป็นฝ่ายเปิด ไม่จำเป็นต้องเจรจากับกัมพูชา และกัมพูชาจะเปิดหลังจากนั้นไม่เกิน 5 ชั่วโมง”
คำแถลงนี้สะท้อนให้เห็นถึง ท่าทีที่มั่นคงและสอดคล้องกับหลักอธิปไตยของกัมพูชา ที่ไม่ยอมให้ประเทศเพื่อนบ้านมองว่ากัมพูชาตกอยู่ในภาวะพึ่งพา ขณะเดียวกันยังส่งสัญญาณว่าพร้อมให้ความร่วมมือในระดับที่เท่าเทียมกันเท่านั้น
ยืนยันไม่ลดศักดิ์ศรีชาติ แม้ไทยจะปิดต่อไปอีก 100 ปี
ฮุน เซน กล่าวในโพสต์ตอนหนึ่งว่า “กัมพูชาจะไม่ลดศักดิ์ศรีลงไปขอให้เปิดชายแดน หากไทยจะปิดต่อไปอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ตาย” ซึ่งเป็นถ้อยแถลงที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลกัมพูชาในการรักษาเกียรติภูมิของประเทศ และปฏิเสธแนวคิดที่ว่ากัมพูชาจะเสียเปรียบจากการปิดพรมแดน
ท่าทีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองต่อไทยให้เคารพข้อตกลงระหว่างประเทศ และแสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังยึดมั่นในหลักความสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่เท่าเทียมกัน โดยไม่มีฝ่ายใดอยู่ในฐานะเหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง