เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในงานเลี้ยงหรูที่ทำเนียบขาวว่า เขาเป็นผู้ยุติสงคราม 8 ครั้งในเวลาเพียง 8 เดือน พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมเขาจึงไม่ได้รับ รางวัลโนเบลสันติภาพ ทรัมป์อ้างว่าความพยายามของเขาช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยล้านคนผ่านการเจรจาและนโยบายภาษีการค้า ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการหยุดสงครามหลายกรณีเป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราว ไม่ใช่สันติภาพถาวร
ทรัมป์อ้างผลลัพธ์ยุติสงครามและช่วยชีวิตร้อยล้านคน
โดนัลด์ ทรัมป์ ชี้ว่าเขามีบทบาทสำคัญในการยุติความขัดแย้งหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงกรณีสงครามอิสราเอล-ฮามาส โดยระบุว่า การเจรจาและข้อตกลงหยุดยิงสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้หลายล้านราย นอกจากนี้ เขายังอ้างว่านโยบายภาษีและการค้าได้สร้างรายได้กลับสู่สหรัฐฯ หลายแสนล้านดอลลาร์
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่า หากเขาสามารถหยุดสงครามหลายครั้งได้ ทำไมจึงไม่ได้รับรางวัล โนเบลสันติภาพ ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในสื่อและนักวิเคราะห์การเมือง

นักวิเคราะห์มองการยุติสงครามเป็นเพียงชั่วคราว
นักวิเคราะห์ชี้ว่าแม้ทรัมป์จะมีบทบาทในบางความขัดแย้ง เช่น การเจรจาหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาส แต่ยังห่างไกลจากการสร้างสันติภาพถาวร ข้อตกลงหยุดยิงและแลกตัวประกันถือเป็นเพียงก้าวแรกของกระบวนการที่เปราะบาง
สำหรับกรณีอื่น ๆ ที่ทรัมป์อ้าง เช่น อินเดีย–ปากีสถาน หรือ รวันดา–คองโก นักวิชาการระบุว่าเป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราวเท่านั้น สถานการณ์ยังไม่ยุติอย่างสมบูรณ์และยังต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
รางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ตกเป็นของผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา
รางวัล โนเบลสันติภาพ ประจำปีนี้มอบให้ มาเรีย โครีนา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศ การประกาศรางวัลครั้งนี้ทำให้ทรัมป์กล่าวเปรียบเทียบอย่างไม่พอใจ โดยมองว่าตนเองควรเป็นผู้ได้รับรางวัล
นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า การยุติสงครามชั่วคราวไม่เพียงพอในการพิจารณารางวัลระดับโลกที่ต้องการผลลัพธ์สันติภาพที่ยั่งยืน
สัญญาณจากทรัมป์และความสนใจสื่อ
การกล่าวอ้างของ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความสนใจจากสื่อทั่วโลก ทั้งในด้านบทบาทการยุติความขัดแย้งและการแสดงความเห็นเกี่ยวกับรางวัล โนเบลสันติภาพ นักวิชาการและนักวิเคราะห์เรียกร้องให้แยกแยะระหว่างการหยุดสงครามชั่วคราวกับการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน