ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ตำหนิพฤติกรรมชาวกัมพูชาที่เผาสินค้าไทย ชี้เป็นการกระทำที่หัวรุนแรงเกินเหตุ แนะหากไม่กินควรนำไปให้สัตว์กินแทนเผาทำลาย
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 22.20 น. สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตำหนิพฤติกรรมของชาวกัมพูชากลุ่มหนึ่งที่ทำคลิปเผาทำลายสินค้าและอาหารจากประเทศไทย โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าว “เกินเลยจากความรักชาติ” พร้อมแนะว่า หากไม่ต้องการบริโภคสินค้าจากไทย ควรนำไปให้สัตว์กินแทนการเผาทำลาย
ฮุน เซน โพสต์ตำหนิคลิปชาวกัมพูชาเผาสินค้าไทย
โพสต์ของ สมเด็จฮุน เซน เผยแพร่เมื่อค่ำวันที่ 20 ตุลาคม ระบุถึงคลิปวิดีโอความยาวกว่า 8 นาที ที่กลุ่มชาวกัมพูชานำโดยบุคคลชื่อ “KO1” เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นการเผาทำลายสินค้าและอาหารจากประเทศไทย เพื่อแสดงจุดยืนคว่ำบาตรสินค้าไทย
อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแสดงความผิดหวังต่อพฤติกรรมดังกล่าว โดยระบุว่า “ผมผิดหวังมากกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพี่น้องกลุ่มนี้ โดยเฉพาะคุณ KO1 การเผาสินค้าไทย และการด่าผู้ขายสินค้าที่ขายไม่ออก เป็นการกระทำที่เกินกว่าความรักชาติ และเป็นการแสดงออกที่หัวรุนแรงอย่างยิ่ง”
เตือนการคว่ำบาตรสินค้าข้ามแดนสร้างความเสียหายมากกว่าผลดี
ฮุน เซน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปรากฏการณ์การคว่ำบาตรสินค้าไทยในปัจจุบันเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยชาวกัมพูชาทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 99% หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพ่อค้าและผู้ประกอบการในท้องถิ่นที่ยังมีสินค้าคงเหลืออยู่ในตลาด
เขาตั้งคำถามเชิงประชดว่า “ปัญหาคือพ่อค้าที่มีสินค้าไทยเหลืออยู่ควรนำมันไปขายที่ไหน? จะเผามันหรือขายต่อเพื่อเอาทุนคืน? ถ้า KO1 มีเงินมากนัก ก็ควรซื้อของเหล่านี้ไปเลี้ยงสัตว์สิ” พร้อมเตือนว่า การเผาสินค้าถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ
แนะหากไม่กินสินค้าไทย ควรนำไปเลี้ยงสัตว์แทนการเผาทำลาย
ในช่วงท้ายของโพสต์ ฮุน เซน เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาใช้เหตุผลและความยับยั้งชั่งใจในการแสดงออกทางการเมือง โดยระบุว่า “อย่าเผาสินค้าจากประเทศไทยเหมือนที่ KO1 ทำในวิดีโอ ถ้าคนไม่กินมัน ก็ปล่อยให้สัตว์กินมันดีกว่า”
คำกล่าวของผู้นำกัมพูชาถูกตีความว่าเป็นความพยายามลดกระแสความตึงเครียดทางสังคม หลังจากช่วงที่ผ่านมา เกิดกระแสต่อต้านสินค้าไทยบนโลกออนไลน์ในกัมพูชาอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลต่อบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในระดับประชาชน
