เกิดเหตุชายชาวเกาหลีใต้วัย 50 ปีเสียชีวิตปริศนาในโรงแรมเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ตำรวจเร่งสอบโยงแก๊งอาชญากรรมหรือไม่ ขณะเกาหลีใต้ส่งทีมกงสุลร่วมตรวจสอบ
เกิดเหตุชวนสงสัยในเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของกัมพูชา เมื่อชายชาวเกาหลีใต้วัยราว 50 ปี ถูกพบเสียชีวิตภายในโรงแรมแห่งหนึ่งใน เมืองสีหนุวิลล์ เมื่อค่ำวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมเอกสารระบุตัวตนและจดหมายลายมือที่คาดว่าเขาเขียนเอง เจ้าหน้าที่กัมพูชากำลังสอบสวนหาสาเหตุ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้เข้าช่วยตรวจสอบโดยเร่งด่วน ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเหตุการณ์อาจเกี่ยวโยงกับขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังระบาดในภูมิภาคนี้
ตำรวจพบศพชายวัย 50 ปีในโรงแรม พร้อมจดหมายลายมือผู้ตาย
รายงานจากตำรวจท้องถิ่นเมืองสีหนุวิลล์ ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 20 ตุลาคม เจ้าหน้าที่พบศพชายชาวเกาหลีใต้วัยราว 50 ปี ภายในห้องพักของโรงแรมเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมเอกสารระบุตัวตน ได้แก่ หนังสือเดินทาง โทรศัพท์มือถือ และจดหมายที่เชื่อว่าเป็นลายมือของผู้ตายเอง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดไว้ตรวจสอบอย่างละเอียด
ด้าน สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำกรุงพนมเปญ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลลงพื้นที่ทันที เพื่อประสานกับตำรวจท้องถิ่นและให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต
เกาหลีใต้ยืนยันติดตามคดีใกล้ชิด ยังไม่โยงแก๊งสแกมเมอร์
รายงานจากสื่อเกาหลีใต้ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์หรือ แก๊งสแกมเมอร์ ที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชา แม้จะเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังเร่งปราบปรามขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์ในภูมิภาคนี้ก็ตาม
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ แถลงยืนยันว่า จะให้การสนับสนุนครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินการนำศพกลับประเทศ โดยขอให้สาธารณชนรอผลการสอบสวนจากทางการกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
คดีสะท้อนปัญหาความปลอดภัยชาวต่างชาติในกัมพูชา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของชาวต่างชาติในกัมพูชา โดยเฉพาะในเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งถูกจับตามองว่ามีการเคลื่อนไหวของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติอยู่มาก ทั้งด้าน คอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย การล่อลวงแรงงาน และขบวนการฟอกเงิน
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกคำเตือนให้พลเมืองของตนหลีกเลี่ยงการทำงานกับบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องในกัมพูชา รวมถึงหลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ขณะที่ตำรวจทั้งสองประเทศยังคงเร่งประสานข้อมูล เพื่อคลี่คลายปมการเสียชีวิตในครั้งนี้ให้กระจ่าง