“โดนัลด์ ทรัมป์” เปิดฉากเยือนเอเชีย เริ่มที่มาเลเซียร่วมประชุมอาเซียน ก่อนพบ “สี จิ้นผิง” เจรจาคลี่สงครามการค้าจีน–สหรัฐ อาเซียนหวังลดภาษีสินค้ากระทบหนัก
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 เตรียมเปิดฉากเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการ วันที่ 24 ตุลาคมนี้ โดยเริ่มที่ มาเลเซีย เพื่อร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนและพิธีลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ก่อนเดินทางต่อไปยังญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ท่ามกลางความคาดหวังว่าการพบปะกับ สี จิ้นผิง จะช่วยคลี่คลาย สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน ที่ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญผลกระทบจากกำแพงภาษีสูงเป็นประวัติการณ์
สหรัฐฯ ส่งสัญญาณปรับท่าทีต่อจีน หลังภาษีขัดขวางเศรษฐกิจโลก
การเดินทางของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ครั้งนี้ถูกจับตามองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อจีน หลังจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากมาตรการภาษีสินค้าจีนที่ถูกปรับขึ้นถึง 155% รวมทั้งข้อจำกัดการส่งออกสินค้าสหรัฐฯ ไปยังจีนในหลายหมวดหมู่
ก่อนเดินทาง ทรัมป์ได้หารือกับ เลขาธิการ NATO ที่ทำเนียบขาว พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้ โดยคาดว่าการเจรจาระดับสูงจะเกิดขึ้นระหว่างการประชุมที่เกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งประเด็นสำคัญคือการให้จีนกลับมานำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ยังเปิดช่องทางทางการเมืองไว้ โดยระบุว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” ซึ่งรวมถึงการยกเลิกการประชุมได้ทุกเมื่อ ทำให้ทั่วโลกยังต้องรอดูว่าการพบกันของสองผู้นำจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หวัง “ทรัมป์” คืนความสนใจภูมิภาค
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า จุดหมายแรกของทรัมป์คือกรุง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ซึ่งสหรัฐฯ มีบทบาทผลักดันอยู่เบื้องหลัง
จากนั้น ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางต่อไปยัง ญี่ปุ่น เพื่อพบกับ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซึ่งรัฐบาลโตเกียวเชื่อว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นเดียวกับที่อดีตนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ เคยทำได้ในอดีต ก่อนปิดท้ายทริปเอเชียที่เกาหลีใต้ แม้จะเป็นการเยือนสั้นเพียงหนึ่งคืนก็ตาม
แม้การประชุม เอเปค ที่เกาหลีใต้จะเป็นเวทีสำคัญทางเศรษฐกิจระดับโลก แต่ความสนใจของสื่อกลับมุ่งไปที่ความเป็นไปได้ของการพบกันระหว่าง “ทรัมป์–สี” มากกว่าจะเป็นวาระเศรษฐกิจของภูมิภาค
อาเซียนเตรียมเปิดเกมเจรจาภาษี หลังโดนขึ้นภาษีสูงสุดในรอบทศวรรษ
ประเด็นภาษีกลายเป็นหัวข้อใหญ่ที่ชาติสมาชิกอาเซียนเตรียมหยิบยกขึ้นหารือกับผู้นำสหรัฐฯ หลังจากถูกตั้ง กำแพงภาษีสูงถึง 36–49% ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยไทยซึ่งถือเป็นพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ ก็ไม่รอดพ้นจากมาตรการนี้
ข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการระบุว่า ทีมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นำโดย สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง และ เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะพบกับคณะผู้แทนจีนที่มี เหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ในช่วงสุดสัปดาห์ที่มาเลเซีย ซึ่งอาจเป็นจังหวะสำคัญในการลดความตึงเครียดทางการค้าก่อนที่สองผู้นำจะพบกัน
สำหรับประเทศในอาเซียน ภาษีสินค้ายังคงอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนยุคทรัมป์หลายเท่าตัว เช่น มาเลเซีย เคยมีอัตราภาษีไม่ถึง 1% เมื่อปี 2565 ส่วน ไทย เคยอยู่เพียง 2% แต่ปัจจุบันกลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 เท่า ทำให้สูญเสียความได้เปรียบทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน
สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีนยังไม่จบง่าย อาเซียนเป็นตัวแปรสำคัญ
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศประเมินว่า การเยือนเอเชียของทรัมป์ในครั้งนี้ แม้จะมีเป้าหมายชัดเจนในการเจรจาการค้า แต่ก็สะท้อนความพยายามของสหรัฐฯ ที่ต้องการกลับมามีบทบาทในภูมิภาค อินโด–แปซิฟิก อีกครั้ง หลังเว้นช่วงไปนานตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน ซึ่งเคยเข้าร่วมประชุมอาเซียนที่กรุงพนมเปญเมื่อปี 2565
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนยังไม่มั่นใจว่า “ทรัมป์” จะให้ความสำคัญกับอาเซียนในระยะยาว เพราะในสมัยรัฐบาลชุดก่อน เขาเคยเข้าร่วมประชุมอาเซียนเพียงครั้งเดียวที่ฟิลิปปินส์ในปีแรกที่ดำรงตำแหน่ง ก่อนจะละเลยภูมิภาคนี้ไปตลอดวาระ


