เกิดเหตุทหารเกาหลีเหนือกว่า 20 นายข้ามเส้นแบ่งเขตทหารเข้าสู่เกาหลีใต้ กองทัพโซลยิงปืนเตือนก่อนทั้งหมดถอยกลับ เจ้าหน้าที่คาดเป็นเหตุบังเอิญขณะปฏิบัติงานชายแดน
เกิดเหตุระทึกบริเวณชายแดนคาบสมุทรเกาหลี เมื่อ ทหารเกาหลีเหนือกว่า 20 นาย ข้ามเส้นแบ่งเขตทหาร (Military Demarcation Line – MDL) เข้าสู่พื้นที่ของ เกาหลีใต้ ในเมืองพาจู เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ทหารเกาหลีใต้จะยิงปืนเตือนจนทั้งหมดถอยกลับ โดยกองทัพโซลยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเกิดจาก “ความผิดพลาดทางยุทธวิธี” ระหว่างปฏิบัติงานในพื้นที่กันชน ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน
เหตุทหารเกาหลีเหนือข้ามเขตชายแดน—กองทัพโซลยันไม่ใช่การยั่วยุ
รายงานจาก สำนักข่าวยอนฮับ อ้างแถลงของ กองบัญชาการเสนาธิการร่วม (Joint Chiefs of Staff – JCS) ของเกาหลีใต้ ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ทหารเกาหลีเหนือประมาณ 20 นายได้ล้ำเข้ามาในพื้นที่เมือง พาจู จังหวัดคยองกี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโซล
ทหารเกาหลีใต้ที่ประจำการในพื้นที่ได้ส่งสัญญาณเตือนผ่านระบบวิทยุหลายครั้ง แต่เมื่ออีกฝ่ายยังคงเคลื่อนตัวเข้ามาลึกกว่าแนว เส้นแบ่งเขตทหาร (MDL) จึงตัดสินใจยิงปืนเตือน ทำให้ทหารเกาหลีเหนือทั้งหมดถอยกลับไปโดยไม่มีการตอบโต้หรือปะทะแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ทางทหารของเกาหลีใต้เผยว่า ทหารกลุ่มดังกล่าวบางส่วนมีอาวุธประจำกาย และคาดว่าอาจกำลังปฏิบัติภารกิจในเขตกันชน เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิดหรือถางพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งอาจทำให้เกิดการล้ำเขตโดยไม่ตั้งใจ
เหตุการณ์เกิดวันเดียวกับทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์
รายงานยังระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ ทหารเกาหลีเหนืออีกนายหนึ่งแปรพักตร์ ข้ามพรมแดนเข้ามาในพื้นที่เขต ชอลวอน จังหวัดคังวอน ซึ่งถือเป็นการแปรพักตร์ครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐบาลของ ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง (Lee Jae-myung) เข้ารับตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม กองทัพเกาหลีใต้ยืนยันว่า ทั้งสองเหตุการณ์ไม่เกี่ยวข้องกัน และไม่มีสัญญาณของการวางแผนหรือการเคลื่อนไหวที่เป็นการยั่วยุทางทหารจากฝั่งเปียงยางแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังคงจับตาพฤติกรรมของกองทัพเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด
แหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันพื้นที่แนวชายแดนมีการปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่ายอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในภารกิจ “เคลียร์พื้นที่ทุ่นระเบิด” ที่เป็นผลสืบเนื่องจากข้อตกลงลดความตึงเครียดทางทหารปี 2018 ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการล้ำเส้นชั่วคราวเช่นนี้ได้
ความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลียังต้องจับตาใกล้ชิด
แม้กองทัพทั้งสองฝ่ายจะไม่มีการปะทะกันโดยตรง แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คาบสมุทรเกาหลียังคงเปราะบาง เนื่องจากเกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบขีปนาวุธระยะไกลและเร่งพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งสร้างความวิตกให้กับนานาชาติ
กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่าจะดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและตอบสนองอย่างเหมาะสมตามขั้นตอนยุทธการ เพื่อป้องกันการละเมิดเขตแดนซ้ำอีก ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเตือนว่า แม้เหตุการณ์นี้อาจเป็น “ความบังเอิญทางเทคนิค” แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของข้อตกลงสันติภาพที่ยังไม่มั่นคงระหว่างสองเกาหลี


