คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ
อย่างที่ทราบกันว่าจีนนั้น ได้ซุ่มผูกสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกามานาน และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลอยู่ไม่น้อยในกลุ่มประเทศเหล่านี้ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็น “พี่ใหญ่” ในการช่วยเหลือด้านการเงินผ่านรูปแบบต่าง ๆ
จีนและกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา 50 ประเทศ กระชับความสัมพันธ์กันผ่านเวทีการประชุม “ความร่วมมือจีน-แอฟริกา” (FOCAC) มีการประชุมสุดยอดกันมา 8 ครั้งแล้ว ครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่ 9 จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ปักกิ่ง
แต่ในครั้งนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญก็คือเศรษฐกิจในจีนเติบโตน้อยลง อีกทั้งเกิดความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้ากับอเมริกาและยุโรป ทำให้การส่งออกของจีนไปยังอเมริกาและยุโรปถูกจำกัดวง บีบให้จีนต้องมองหาตลาดอื่น แอฟริกาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จีนหวังจะขยายตลาดเพื่อระบายสินค้า โดยเฉพาะสินค้าประเภทรถไฟฟ้าและอื่น ๆ ที่จีนผลิตล้นเกินและถูกปฏิเสธจากชาติตะวันตก
แต่จีนก็ต้องเจอกับความท้าทายเช่นกัน เพราะทางผู้นำของแอฟริกาก็มีข้อเรียกร้องไปยังจีนให้ช่วยซื้อสินค้าของแอฟริกามากขึ้นเพื่อลดช่องว่างการขาดดุล อย่างในกรณีของ “ซีริล รามาโฟซา” ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ได้บอกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่า อยากลดการขาดดุลกับจีนลง เพราะขาดดุลกับจีนมาก คำพูดของเขามีขึ้นหลายวันก่อนการประชุม ซึ่งถูกคาดหมายว่าในที่ประชุมดังกล่าวผู้นำจีนจะเรียกร้องให้แอฟริกาซื้อสินค้าจีนมากขึ้น
จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกลุ่มประเทศแอฟริกา แต่ในปี 2023 มูลค่าสินค้าที่แอฟริกานำเข้าจากจีน มากกว่าที่ส่งออกไปขายให้จีนชนิดที่ห่างกันลิบลับ ดังนั้นคำกล่าว “ดักคอ” ล่วงหน้าของประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ จึงเป็นอุปสรรคต่อจีนในการโน้มน้าวให้ประเทศเหล่านี้ช่วยซื้อสินค้าจีนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากจีนไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในการประชุม FOCAC ปี 2021 ที่ว่าจะซื้อสินค้าแอฟริกามูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์
การประชุมดังกล่าวยังเป็นเวทีที่จีนในฐานะผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ให้กับแอฟริกา จะกล่าวถึงบทบาทของจีนท่ามกลางปัญหาที่หลายประเทศในแอฟริกาอยู่ในสถานการณ์ลำบากจากหนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่แอฟริกาก็คาดหวังให้จีนสนับสนุนเงินในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งเซ็นข้อตกลงการค้า
“เดวิด ชินน์” ผู้เชี่ยวชาญจีน-แอฟริกา ระบุว่า คาดว่าผู้นำจากแอฟริกาจะผลักดันให้จีนซื้อสินค้าพวกเขามากขึ้น ทั้งเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลขนาดใหญ่ และเพื่อสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจให้กับแอฟริกา รวมทั้งจะขอให้จีนลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะภาคการผลิตและถ่ายทอดเทคโนโลยีมากขึ้น ขณะเดียวกันเชื่อว่าจีนจะผลักดันให้แอฟริกาสนับสนุนจุดยืนระดับโลกของจีน และยอมรับนโยบายของจีนที่เป็นประเด็นปัญหาภายในของจีน เช่น สิทธิมนุษยชน ทะเลจีนใต้
เฉพาะการปล่อยกู้โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (BRI) ให้กับแอฟริกา ในระยะ 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีมูลค่ามากกว่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้จีนมีอิทธิพลมากอย่างไม่มีใครเทียบได้ ความสัมพันธ์ดังกล่าวช่วยให้จีนสามารถ “ยึดกุม” การเข้าถึงแหล่งพลังงานและแร่ในแอฟริกา ขณะเดียวกันก็เป็นตลาดสำหรับระบายสินค้าจีน
อย่างไรก็ตาม โครงการ BRI ถูกกล่าวหาว่า “สร้างกับดักหนี้ การหาประโยชน์และคอร์รัปชั่น” ซึ่งดูเหมือนข้อกล่าวหานี้จะมีน้ำหนัก เมื่อคลื่นของหนี้เกิดขึ้นทั่วแอฟริกาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้ 3 ประเทศผิดนัดชำระหนี้ บางโครงการก็ชะงักกลางคันไม่แล้วเสร็จ อย่างเช่น โครงการทางรถไฟมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์ในเคนยา
โจชัว ไอเซนมาน อาจารย์มหาวิทยาลัยนอเทรอ เดม ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์จีน-แอฟริกา ชี้ว่า ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะทำให้การประชุม FOCAC ในปีนี้ ทางจีนจะเปลี่ยนบทบาทการปล่อยกู้ จากการปล่อยกู้ก้อนใหญ่แบบใจกว้างใจดี ไปเป็นการปล่อยกู้ที่มุ่งกำไรมากขึ้น และขนาดการปล่อยกู้จะไม่ใหญ่เหมือนเดิม
ตั้งแต่ทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา บรรดาประเทศในแอฟริกา ต่างกรูกันเข้าหาจีน เพื่อหาเงินทุนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่พวกเขาต้องการอย่างมาก เนื่องจากการปล่อยกู้ของจีนไม่มีเงื่อนไขเข้มงวด อย่างเช่น สิ่งแวดล้อมหรือสิทธิมนุษยชน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนี้จำนวนมากสร้างปัญหาให้กับงบประมาณของประเทศ
อ่านข่าวต้นฉบับ: มองบทบาท “จีน” ในแอฟริกา หลังเศรษฐกิจแผ่ว-ตะวันตกกีดกัน