ทำไมสหรัฐกำหนดวันเลือกตั้งตายตัว อังคารหลังจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งกฎหมายของสหรัฐอเมริกากำหนดไว้ให้จัดการเลือกตั้งใน “วันอังคาร” เสมอ ต่างจากประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ที่กำหนดวันเลือกตั้งให้ตรงวันหยุดสุดสัปดาห์

ไม่เพียงแค่กำหนดให้เลือกตั้งในวันอังคารเท่านั้น แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐกำหนดวันเอาไว้ตายตัวว่าต้องเป็น “วันอังคารหลังวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน” ด้วย 

สงสัยกันไหมว่าทำไมวันเลือกตั้งของสหรัฐต้องเป็นอังคารหลังจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน ? หากใครสงสัย “ประชาชาติธุรกิจ” ชวนอ่านต่อ

แรกเริ่มเดิมที ในช่วงหลายสิบปีแรกที่สหรัฐอเมริกาก่อตั้งประเทศขึ้นมา สหรัฐก็ไม่ได้กำหนดวันเลือกตั้งจำเพาะเจาะจงวันใดวันหนึ่งอย่างทุกวันนี้ สำหรับการเลือกตั้งระดับชาติแต่ละรัฐได้รับอนุญาตให้จัดการเลือกตั้งในวันใดก็ได้ภายในระยะเวลา 34 วันก่อนวันพุธแรกของเดือนธันวาคม 

การเลือกตั้งไม่พร้อมกันมีข้อเสียที่สำคัญบางอย่าง คือ การทราบผลการเลือกตั้งของรัฐที่เลือกตั้งไปก่อนอาจส่งผลต่อจำนวนผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งในรัฐที่จัดเลือกตั้งทีหลัง 

ในปี 1845 (พ.ศ. 2388) ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐจึงได้ตรากฎหมายกำหนดวันเลือกตั้งวันเดียวทั้งประเทศขึ้นมา ด้วยความมุ่งหวังจะทำให้กระบวนการลงคะแนนเสียงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในตอนแรก กฎหมายนี้ใช้แค่กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเท่านั้น แต่ต่อมาได้ขยายไปใช้กับการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาด้วย 

การกำหนดวันและเดือนสำหรับจัดการเลือกตั้งของสหรัฐผ่านการคิดพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ มาอย่างถี่ถ้วน  โดยเริ่มการเลือกกรอบช่วงเวลาที่เหมาะกับการเลือกตั้งก่อน 

เนื่องจากในยุคนั้น สังคมสหรัฐอเมริกายังเป็นสังคมเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ คนจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในชนบท และการเดินทางก็ยังไม่สะดวกสบายเหมือนในทุกวันนี้ การเดินทางไปเลือกตั้งอาจจะใช้เวลามากกว่า 1 วัน หรืออย่างน้อย ๆ ก็เต็มวันพอดี ดังนั้น วันเลือกตั้งจึงต้องยึดเอาช่วงเวลาที่เกษตรกรสะดวก ซึ่งในแต่ละปีจะมีช่วงเวลานั้นให้เลือกไม่มากนัก เพราะตลอดทั้งปี เกษตรกรต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำการเกษตร ตั้งแต่การปลูก การดูแลพืชผลให้เติบโต และการเก็บเกี่ยวพืชผล

เมื่อพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ แล้ว “ต้นเดือนพฤศจิกายน” เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการเลือกตั้งที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผลสิ้นสุดลงแล้ว จึงเป็นช่วงที่เกษตรกรว่างเว้นจากงานช่วงสั้น ๆ และเป็นช่วงที่สภาพอากาศยังค่อนข้างอบอุ่น ซึ่งอากาศที่อบอุ่นนั้นช่วยให้การเดินทางไม่ยากลำบากเหมือนในฤดูหนาว 

เมื่อได้ช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ก็มาถึงการเลือกว่าวันไหนในช่วงนั้น ๆ จะเป็นวันที่เหมาะสมที่สุด 

วันอาทิตย์ ถูกตัดไปด้วยเหตุผลว่าเป็นวันที่คริสตศาสนิกชนต้องไปโบสถ์ ซึ่งชาวอเมริกันส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์อย่างเคร่งครัด ดังนั้นจะมาจัดเลือกตั้งในวันนี้ไม่ได้เด็ดขาด 

วันจันทร์ ถูกตัดออกไปด้วยเหตุผลว่า คนจำนวนมากที่ไปโบสถ์จะเดินทางไปเลือกตั้งในวันจันทร์ไม่ทัน เพราะอย่างที่กล่าวไปว่า พลเมืองสหรัฐทำการเกษตรอยู่ตามชนบท การเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งนั้นอาจใช้เวลามากกว่า 1 วัน หรืออย่างน้อยก็หมดไปเต็ม ๆ วัน

เมื่อวันจันทร์ไม่ได้ จึงลงเอยเป็น วันอังคาร​ ซึ่งไม่ติดเงื่อนไขอะไร 

แต่ถ้ามีเหตุผลแค่เพียงว่า คนไปโบสถ์ในวันอาทิตย์จะไปเลือกตั้งในวันจันทร์ไม่ทัน ก็คงจะมีคำถามอีกว่า แล้ววันอื่น ๆ ในสัปดาห์ล่ะ ? พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ ทำไมไม่ได้ ? ซึ่งทางสหรัฐเขาก็ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ทำให้วันอังคารเหมาะสมที่จะเป็นวันเลือกตั้งกว่าวันอื่น 

วันพุธ เป็นวันที่ในหลายพื้นที่จัดให้เป็นวันตลาดนัดซื้อขายพืชผลการเกษตรของเมือง เกษตรกรต้องนำพืชผลไปขาย ดังนั้นวันพุธก็โดนตัดไป 

วันพฤหัส มีคำอธิบายว่าคนที่นำพืชผลการเกษตรไปขายในวันพุธจะเดินทางไปเลือกตั้งในวันพฤหัสไม่ทัน เช่นกันกับคนที่ไปโบสถ์ในวันอาทิตย์จะเดินทางไปเลือกตั้งในวันจันทร์ไม่ทัน 

จากเหตุผลนี้ ก็น่าตั้งคำถามว่า ไม่เกรงว่าคนที่ไปเลือกตั้งในวันอังคารจะเดินทางกลับไปขายพืชผลการเกษตรในวันพุธไม่ทันหรือ ? 

ส่วนวันศุกร์และวันเสาร์นั้น ตามข้อมูลไม่มีการกล่าวถึงว่ามีการพิจารณาอย่างไรหรือไม่ 

เมื่อสรุปเลือก “วันอังคาร” แล้ว ก็มีการกำหนดว่าให้เป็น “วันอังคารหลังวันจันทร์แรก” เพื่อป้องกันไม่ให้วันเลือกตั้งไปตรงกับวันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งคริสตศาสนิกชนไม่สะดวกไปเลือกตั้ง เพราะวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็น “วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย” (All Saints’ Day) อีกทั้งยังมีเหตุผลทางเศรษฐกิจที่ว่า พ่อค้าแม่ค้ามักจะใช้วันแรกของเดือนเป็นวันปิดบัญชีประจำเดือนของเดือนก่อนหน้า 

ถึงแม้ว่าวันอังคารจะถูกเลือกมาด้วยเหตุผลเรื่องความสะดวกของประชาชน แต่นั่นเป็นความสะดวกของประชาชนเมื่อเกือบ 200 ปีก่อนที่ยังเป็นสังคมเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันการเลือกตั้งในวันอังคารถูกมองว่าเป็นอุปสรรคมากกว่า เนื่องจากในปัจจุบัน ชาวอเมริกันที่ทำงานในภาคเกษตรมีเพียง 2% ของคนทำงานทั้งหมดในประเทศเท่านั้น ขณะที่คนทำงานส่วนใหญ่ต้องทำงานในวันอังคารตลอดทั้งปีไม่มียกเว้นฤดูกาลใด

ด้วยความไม่สะดวก ก็ทำให้อัตราการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในยุคสมัยนี้ลดลงไปตามกาลเวลา ชาวอเมริกันจึงมีข้อเสนอต่าง ๆ เกี่ยวกับวันเลือกตั้ง ทั้งเสนอให้เปลี่ยนวันเลือกตั้งไปเลือกในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเสนอให้เพิ่มจำนวนวันเลือกตั้ง และอีกส่วนก็เสนอให้คงวันเลือกตั้งไว้เป็นวันอังคารต่อไปโดยที่รัฐบาลต้องกำหนดให้วันเลือกตั้งเป็นวันหยุดทั่วประเทศ เพื่อที่คนที่ออกไปเลือกตั้งจะได้ไม่ต้องขาดงานหรือลางาน แต่ข้อเสนอเหล่านี้ก็ไม่ถูกนำไปใช้ 

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มโอกาสในการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าและการลงคะแนนเสียงผ่านทางไปรษณีย์ ทำให้วันเลือกตั้งไม่มีความสำคัญมากเหมือนในสมัยก่อนแล้ว 

อ้างอิง : 

Britannica
History
สถานทูตสหรัฐและสถานกงสุลในประเทศไทย

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: ใครบ้างไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดี?

EGCO ติดตั้งกังหันลม Yunlin ครบ 80 ต้น ลุยจ่ายไฟเข้าระบบสิ้นปี’67