รัฐบาลอังกฤษเผชิญโจทย์ยาก เมื่อต้องลดหนี้ แต่ไม่อยากลดรายจ่าย

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของสหราชอาณาจักร (ขอเรียกแบบรู้กันว่า “อังกฤษ”) แตะ 100% เป็นครั้งแรกในรอบ 63 ปี นับตั้งแต่ปี 1961 และล่าสุดเพิ่งได้รับคำเตือนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่าอาจต้องเผชิญกับปฏิกิริยาเชิงลบของตลาด หากไม่มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อยับยั้งการเพิ่มขึ้นของหนี้

IMF วิเคราะห์ว่า รัฐบาลอังกฤษจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย 4.5% ของจีดีพี หรือประมาณ 110 ล้านปอนด์ จึงจะมีโอกาส 80% ในการที่จะป้องกันไม่ให้หนี้เพิ่มขึ้นในระยะกลาง และแนะให้รัฐบาลอังกฤษขึ้นภาษีเพื่อเพิ่มรายได้และลดการใช้จ่ายไปพร้อมกัน พร้อมเตือนว่ายิ่งรัฐบาลตัดสินใจช้าเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากและทำให้การแก้ปัญหายากขึ้นเท่านั้น

ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ราเชล รีฟส์ (Rachel Reeves) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษเปิดเผยว่า รัฐบาลพรรคแรงงาน (Labour Party) ของเธอที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่เจอกับ “หลุมดำทางการคลัง” (Fiscal Black Hole) มากถึง 22,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 958,300 ล้านบาท) ที่รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยม (Conservative Party) สร้างเอาไว้ ซึ่งหลุมดำทางการคลังนี้จะยังคงอยู่ต่อไปในช่วง 5 ปีข้างหน้า และเธอบอกว่านี่เป็นสถานการณ์ทางการคลังที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐมนตรีคลังอังกฤษซึ่งมีกำหนดแถลงแผนงบประมาณต่อรัฐสภา ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพทางการคลัง และเตือนว่า รัฐบาลกำลังเผชิญการตัดสินใจที่ “ยากลำบาก” ในเรื่องการใช้จ่าย สวัสดิการ และภาษี ขณะเดียวกัน รีฟส์ก็บอกว่า เธอเลี่ยงที่จะกลับไปใช้นโยบายการคลังที่เข้มงวด และเธอต้องการมี “พื้นที่ทางการคลัง” (Fiscal Space) มากขึ้น เพื่อให้สามารถกู้ยืมเงินได้อีก แล้วจะนำเงินไปทุนสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต

แฟ้มภาพ – เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกฯ และราเชล รีฟส์ รมว.คลังสหราชอาณาจักร (ภาพโดย Phil Noble/REUTERS)

วิเคราะห์ตามสัญญาณเหล่านี้ ทิศทางนโยบายการคลังของรัฐบาลอังกฤษคงจะไม่ลดค่าใช้จ่าย แต่จะเพิ่มอัตราภาษีมากกว่าที่เคยคาดไว้

นักเศรษฐศาสตร์ของ บลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์ (Bloomberg Economics) วิเคราะห์ว่า แม้ว่าจะมีการพูดถึงหลุมดำทางการคลังจำนวนมาก แต่ภาพรวมงบประมาณของรีฟส์ก็น่าจะยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับแผนของรัฐบาลก่อนหน้า

เดอะการ์เดียน (The Guardian) สื่อดังของอังกฤษรายงานว่า ราเชล รีฟส์ ตั้งเป้าที่จะเก็บรายได้จากภาษีให้ได้ 40,000 ล้านปอนด์ เพื่อที่จะเอาชนะหลุมดำทางการคลังดังกล่าว และเพื่อให้เป็นไปตาม “กฎทองคำ” ของเธอที่กำหนดไว้ว่า ต้องการสร้างสมดุลระหว่างการใช้จ่ายกับรายได้ภาษี ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลไม่ต้องตัดลดค่าใช้จ่ายลง

สถาบันการคลังศึกษา (Institute for Fiscal Studies) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในอังกฤษวิเคราะห์ว่า รัฐมนตรีรีฟส์จำเป็นต้องเก็บรายได้ให้ได้ประมาณ 25,000 ล้านปอนด์ เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถส่งเสริมการบริการสาธารณะที่ขาดแคลนเงินสดต่อไปได้ในระยะยาว

อังกฤษไม่มีทางเลือกที่จะไม่ขึ้นภาษีแน่ ๆ อย่างไรก็ต้องขึ้น แต่ในขณะนี้กำลังมีการคาดการณ์และวิเคราะห์กันว่า ภาษีใดที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มอัตราเก็บ และภาษีใดที่จะไม่แตะต้อง

เป็นความยากลำบากในการตัดสินใจของรัฐมนตรีคลัง เพราะหากกระทรวงการคลังจะเพิ่มอัตราภาษีเงินได้ เงินสมทบประกันสังคม และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของกระทรวงการคลัง ก็จะทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมือง เนื่องจากพรรคแรงงานหาเสียงเอาไว้ว่าจะไม่เพิ่มอัตราภาษีและเงินสมทบประกันสังคม

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ

จุดเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทุบสถิติมหกรรมหนังสือในรอบ 29 ปี

ตั้งบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์ “นายกฯอุ๊งอิ้ง” เป็นประธานวางยุทธศาสตร์เชิงรุก ดันไทยขึ้นผู้นำภูมิภาค