สหประชาชาติเปิดเผยว่า นโยบายด้านสภาพอากาศ ณ ปัจจุบัน จะส่งผลทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่า 3 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษนี้ และถือว่าสูงกว่าเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วถึง 2 เท่า

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 ต.ค.)  สหประชาชาติเปิดเผยรายงาน Emissions Gap ประจำปี ซึ่งรวบรวมคำมั่นสัญญาของประเทศต่างๆ ที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยพบว่า หากรัฐบาลประเทศต่างๆ ไม่ดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้น จะทำให้โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนสูงถึง 3.1 องศาเซลเซียส (หรือ 5.6 องศาฟาเรนไฮต์) เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมภายในปี 2100

ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2015 ที่รัฐบาลประเทศต่างๆได้ลงนามในข้อตกลงปารีส และกำหนดเพดานไม่ให้โลกร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันผลกระทบอันตรายที่อาจเกิดขึ้นตามมา

อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ โลกร้อนขึ้นประมาณ 1.3 องศาเซลเซียส ขณะที่ชาติต่างๆจะรวมตัวกันเดือนหน้าที่การประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศประจำปีของสหประชาชาติ (COP29) ที่ประเทศอาเซอร์ไบจาน ซึ่งพวกเขาจะร่วมกันทำงานเพื่อสร้างข้อตกลงที่ทำขึ้นเมื่อปีที่แล้วเพื่อเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

ทั้งนี้มีความหวังว่า การเจรจาใน COP29 จะช่วยให้แต่ละประเทศสามารถกำหนดกลยุทธ์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกฉบับปรับปรุงใหม่ได้

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ