ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือถูกกล่าวหาได้ส่งทหารราว 10,000 นายไปรัสเซีย อาจเป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมรบในยูเครน ความเคลื่อนไหวที่อาจถือเป็น การประจำการทหารสเกลใหญ่ในต่างประเทศเป็นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่สงครามเวียดนาม รอยเตอร์ (Reutes) รวบรวมรายชื่อประเทศที่มีความร่วมมือทางทหารในอดีตกับเกาหลีเหนือ

1.เวียดนาม : เกาหลีเหนือส่งทหารกว่า 1000 นายไปเวียดนามเหนือระหว่างปี 1966-1972 รวมถึงนักบินหลายร้อยคนซึ่งขับเครื่องบินมิก-17 เอส ในการต่อสู้ อ้างอิงจากหนังสือที่ตีพิมพ์เผยแพร่โดยสถาบันเพื่อประวัติศาสตร์ทหารของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้

จากข้อมูลหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเวีดยนาม กองกำลังทางอากาศของเกาหลีเหนือยิงเครื่องบินสหรัฐร่วงอย่างน้อย 26 ลำ และเกาหลีเหนือสูญเสียบุคลากรไปอย่างน้อย 14 คนในระหว่างปี 1967-1969 และอีกทีม เป็นทีมผู้เชี่ยวชาญการทำสงครามจิตวิทยาถูกส่งไปสนับสนุนการโฆษณาชวนเชื่อของเวียดนามเหนือและปฏิบัติการลักพาตัวทหารเกาหลีใต้ในเวียดนามใต้ ขณะที่นักรบกองโจรของเวียดนามหลายสิบคนได้รับการฝึกในเกาหลีเหนือ

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกลายเป็นเย็นชา นับตั้งแต่เวียดนามเริ่มหันไปใช้นโยบายมุ่งตะวันตก โดยการเริ่มปฏิรูปทางการเมืองและเศรษฐกิจในปลายทศววรรษ 1980 และสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีใต้ในปี 1992

2.อียิปต์ : นิว ซ่ง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนานาชาติศึกษาแห่งเซี่ยงไฮ้ ให้ข้อมูลว่า ในระหว่างสงครามยมคิปปูร์ในปี 1973 เกาหลีเหนือส่งกลุ่มที่ปรึกษาทางทหารราว 1,500 นายและทหารกองทัพอากาศราว 40 นายไปอียิปต์ ตามข้อตกลงความช่วยเหลือทางทหารระหว่างคิม อิลซุง ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือและฮอสนี มูบารัก ประธานาธิบดีอียิปต์ ผู้ล่วงลับ

3.ลิเบีย : เกาหลีเหนือสนับสนุนการแลกเปลี่ยนทหารระหว่างลิเบียในยุคมูอัมมาร์ กัดดาฟี ตามสนธิสัญญาพันธมิตร 10 ปี ในปี 1982 ซึ่งตามสนธิสัญญา คู่สัญญาจะส่งความช่วยเหลือทางทหาร หากอีกฝ่ายถูกโจมตีและคุกคามโดยประเทศที่สาม

เอกสารไม่ลับของสำนักข่าวกรองสหรัฐ (CIA) ปี 1982 ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจแสวงหาหนทางที่จะเปลี่ยนลิเบียให้เป็นคลังเก็บอาวุธสำหรับกองทัพเกาหลีเหนือที่ตั้งอยู่ภายนอกประเทศ โดยอ้างอิงจากเอกสารในอดีตเกี่ยวกับนักบินเกาหลีเหนือและการฝึกบินเครื่องมิก-23 เอส ในขณะที่ก็ได้วางพื้นฐานเพื่อจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย

4.ซีเรีย : ซีเรียเป็นมิตรที่ยาวนานของเกาหลีเหนือ โดยทำงานร่วมกันด้านขีปนาวุธและอาวุธเคมี เกาหลีเหนือยังสร้างเตาปฏิกรณ์พลูโตเนียมที่ซีเรียด้วย ซึ่งถูกทำลายจากการโจมตีของอิสราเอลในปี 2007 และในปี 2013 สื่ออิสราเอลรายงานว่า นักบินเฮลิคอปเตอร์หลายคนและเจ้าหน้าที่ปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือปฏิบัติการในซีเรีย แม้ว่าสื่อทางการของเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวอ้างของอิสราเอล

ในปี 2016 สำนักข่าวทาสส์ สื่อทางการรัสเซียระบุว่า หน่วยทหารเกาหลีเหนือจำนวน 2 หน่วยกำลังรบในสงครามกลางเมืองซีเรีย เพื่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล–อัซสาด

5.อิหร่าน : ทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนือถูกสหประชาชาติ หรือยูเอ็นแซงก์ชั่น หรือลงโทษทางเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในปฏิบัติการร่วมกันในโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ โดยการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคและชิ้นส่วนประกอบระหว่างกัน

ในปี 2015 กลุ่มผู้ต่อต้านชาวอิหร่านที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศที่ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับโรงงานนิวเคลียร์นาทานซ์ของอิหร่านในปี 2002 ระบุว่า ความช่วยเหลือจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ 7 คน เยี่ยมชมฐานทัพใกล้เตหะราน ซึ่งถือเป็นการแลกเปลี่ยนครั้งที่สามในปีนั้น อีกทั้งในปี 2021 ผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติเปิดเผยว่า ทั้งสองประเทศได้กลับมาร่วมมือกันอีกครั้งในการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล โดยได้มีการถ่ายโอนชิ้นส่วนสำคัญ

เกาหลีเหนือยังถูกกล่าวหาว่าจัดหาอาวุธให้กับตัวแทนของอิหร่าน รวมถึงฮามาส ซึ่งนักรบของกลุ่มนี้ถูกพบเห็นว่าใช้เครื่องยิงลูกระเบิดมือในการโจมตีอิสราเอลในปี 2023 ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือปฏิเสธ

6.ชาติแอฟริกา : เกาหลีเหนือมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับระบอบเผด็จการในซิมบับเว ยูกันดา และประเทศอื่น ๆ ในแอฟริกา ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น โดยมีส่วนร่วมในเรื่องการขายอาวุธและการฝึกทหาร ซึ่งในปี 2011 สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้อ้างข้อมูลลับของรัฐบาลกล่าวว่า เกาหลีเหนือมีการเจรจาขายอาวุธมากกว่า 100 รอบระหว่างปี 1999 ถึง 2008 กับประเทศต่าง ๆ เช่น แองโกลา คองโก ลิเบีย แทนซาเนีย และยูกันดา

ตามข้อมูลของสถาบันเพื่อยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ ธุรกรรมดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อหารายได้เป็นเงินสกุลดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธและอะไหล่ใหม่ ๆ จากรัสเซีย โดยการขายอาวุธธรรมดาเก่าราคาถูกในแอฟริกา อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกาหลีเหนือเผชิญกับการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของยูเอ็น เกาหลีเหนือถูกบอตสวานาตัดสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2015 รวมถึงยูกันดาและเอธิโอเปียหยุดการแลกเปลี่ยนด้านความมั่นคงในปี 2016

ปูดข่าวทหารลอตสอง

เมื่อ 25 ตุลาคม 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานอ้างอิงจากเอกสารข่าวกรองเกาหลีใต้ระบุว่า กองกำลังทหารเกาหลีเหนือลอตสองจะเดินทางไปรัสเซียในไม่ช้านี้ หลังจากกองกำลังพิเศษระดับสูงลอตแรกราว 1,500 คนอยู่ระหว่างการฝึกในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ส่วนหนึ่งของแผนประจำการทหารเกาหลีเหนือราว 10,000 คน โดยทหารลอตแรกถูกเคลื่อนย้ายไปยังท่าเรือของเมืองวลาดิวอสต็อกระหว่างวันที่ 8 ตุลาคมถึง 13 ตุลาคม 2024 นับเป็นครั้งแรกหลังจากเรือของกองทัพเรือรัสเซียเยือนน่านน้ำเกาหลีเหนือตั้งแต่ปี 1990

เอกสารข่าวกรองยังเผยรายละเอียดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกาหลีเหนือส่งให้รัสเซียใช้ทำสงครามในยูเครน มีกระสุนปืนใหญ่ราว 8 ล้านลูก ขนาด 122 มิลลิเมตร และ 152 มิลลิเมตร นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2023 และขีปนาวุธฮวาซอง 11 จำนวน 100 ลูก ตลอดจนขีปนาวุธต่อต้านรถถังบุลเซ 4 (Bulsae-4) ที่ถูกพบในสนามรบในยูเครนเป็นครั้งแรกอีกด้วย

จากการประเมินทางข่าวกรองของฝ่ายเกาหลีใต้ ทหารเกาหลีเหนือจะถูกประจำการในแนวรบด่านหน้าของสงครามรัสเซียในยูเครนทันทีที่การฝึกราว 1 เดือนที่ศูนย์ฝึกในสถานที่ต่าง ๆ เสร็จสิ้น รวมถึงเมืองวลาดิวอสต็อก อัสซูริสค์ ฮาบารอฟสค์ และบลาโกเวชเชนสค์ โดยรัฐบาลรัสเซียวางแผนที่จะติดอาวุธให้ทหารเกาหลีเหนือรวมถึงให้ใส่เครื่องแบบตลอดจนปลอมตัวตนเพื่อให้เหมือนคนท้องถิ่นในแคว้นตะวันออกของรัสเซีย

ข้อมูลจากสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานว่า นายคิม จองกยู รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ระบุเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากที่โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนบอกว่า การกระทำของเกาหลีเหนืออาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม

การประจำการทหารเกาหลีเหนือหลายพันคนในสงครามยูเครนอาจทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ซึ่งสงครามในยูเครนนับเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 อาจทำให้เกาหลีใต้เสนอความช่วยเหลือยูเครนโดยตรงมากขึ้น รวมถึงการส่งอาวุธประหัตประหาร ซึ่งเกาหลีใต้ปฏิเสธมาโดยตลอด ยิ่งส่งผลกระทบต่อโลกมากขึ้นไปอีก ในสงครามที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเป็นผู้เริ่ม

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ