- เริ่มแล้วสำหรับโครงการอาหารฟรีที่อินโดนีเซียประกาศไว้ตั้งแต่ปลายปีก่อน ว่าจะมีอาหารฟรีแจกจ่ายให้แก่เด็กรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ในประเทศอย่างทั่วถึง เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหารของเด็กและเยาวชน
- รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าว่าโครงการอาหารฟรีในอินโดนีเซียนี้ จะสามารถช่วยผู้คนได้มากกว่า 70.5 ล้านคน โดยได้ทดลองนำร่องในบางพื้นที่มาแล้วราว 4 เดือน
- แม้ว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการที่ดีที่เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่นักวิเคราะห์มองว่า ต้นทุนที่เกิดขึ้นจากโครงการอาหารกลางวันฟรีของนายปราโบโว สุเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนล่าสุดก็มีมูลค่ามหาศาล
รัฐบาลใหม่ของอินโดนีเซียเริ่มโครงการมูลค่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 965,200ล้านบาทเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.) เพื่อต่อสู้กับปัญหาภาวะขาดสารอาหารและภาวะแคระแกร็นของเด็กโดยมุ่งเป้าไปที่เด็กและหญิงตั้งครรภ์เกือบ 90 ล้านคนทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์ว่าโครงการระดับชาตินี้อาจจะกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลไม่สามารถแบกรับไหว

โครงการ “อาหารฟรีเพื่อโภชนาการที่ดี”
โครงการแจกอาหารฟรีนี้เป็นการทำตามคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีปราโบโว สุเบียนโต ซึ่งได้รับเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเป็นผู้นำประเทศที่มีประชากรกว่า 282 ล้านคนและเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนายสุเบียนโตกล่าวว่าโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการแคระแกร็นของเด็กๆที่ขาดสารอาหาร ซึ่งส่งผลกระทบต่อเด็กชาวอินโดนีเซียอายุต่ำกว่า 5 ปีถึง 21.5% นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตของพวกเขา นายสุเบียนโตยังรับปากด้วยว่าจะเร่งการเติบโตของ GDP จากปัจจุบันที่ 5% ให้ถึง 8%

แผนการพัฒนาเพื่อ “อินโดนีเซียทองคำ”
ในคำกล่าวสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม นายสุเบียนโตกล่าวว่าเด็กจำนวนมากยังขาดสารอาหาร และสัญญาว่าจะจัดหาอาหารกลางวันและนมฟรีให้กับนักเรียน 83 ล้านคนในโรงเรียนกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยตั้งเป้าเป็น “ยุคทองของอินโดนีเซีย” ภายในปี 2045
โครงการนี้ จะรวมถึงการแจกนมฟรี อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 450 ล้านล้านรูเปียห์ หรือราว965,200ล้านบาท ซึ่งนายสุเบียนโตกล่าวว่าคณะทำงานของเขาได้คำนวณแล้วว่าโครงการนี้เป็นไปได้

เป้าหมายและความท้าทาย
รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเข้าถึงเด็กนักเรียนและหญิงตั้งครรภ์ 19.47 ล้านคนในปี 2025 ด้วยงบประมาณ 71 ล้านล้านรูเปียห์ หรือราว148,229ล้านบาทเพื่อรักษาการขาดดุลประจำปีให้อยู่ต่ำกว่าเพดานที่กฎหมายกำหนดที่ 3% ของ GDP
เมื่อวันจันทร์ รถบรรทุกที่บรรจุอาหารประมาณ 3,000 ชุดมาถึงโรงเรียนประถมในเมือง เดป็อก โดยมีอาหารกลางวันเป็นข้าว ผัดผัก ถั่วเหลืองหมักเทมเป้ ไก่ผัด และส้ม แจกจ่ายให้กับนักเรียน 740 คน
ดาดัน ฮินดายานา หัวหน้าหน่วยงานโภชนาการแห่งชาติที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่กล่าวว่า โครงการนี้จะจัดหาอาหารให้เด็กนักเรียนทุกระดับตั้งแต่การศึกษาปฐมวัยจนถึงมัธยมปลายคนละ 1 มื้อ ซึ่งเมนูจะครอบคลุม 1 ใน 3 ของความต้องการแคลอรีรายวันของเด็ก โดยเงินจำนวนดังกล่าวจะสามารถจัดซื้อข้าวได้ราว 6.7 ล้านตัน ไก่อีก 1.2 ล้านตัน เนื้อวัว 500,000 ตัน ปลา ผัก และผลไม้อีก 1 ล้านตัน และนมอีก 4 ล้านกิโลลิตร โดยจะมีการตั้งโรงครัวอย่างน้อย 5,000 แห่งทั่วประเทศ
เสียงวิจารณ์และคำเตือน
โครงการนี้ได้รับเสียงวิจารณ์จากนักลงทุนและนักวิเคราะห์เกี่ยวกับความซับซ้อนทางโลจิสติกส์และผลกระทบต่อสมดุลการเงินของรัฐ รวมถึงการเพิ่มหนี้ของประเทศ
ไนลูล ฮูดา นักวิจัยเศรษฐกิจจากศูนย์ศึกษาเศรษฐกิจและกฎหมายเตือนว่า การดำเนินโครงการนี้อาจส่งผลให้เกิดภาระหนี้เพิ่มเติมและอาจขัดขวางเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ 8% ของรัฐบาลภายใต้การนำของนายสุเบียนโต

ความสำคัญของการแก้ปัญหาภาวะขาดสารอาหาร
เรณี สุวาโส ผู้อำนวยการสถาบันประชาธิปไตย ความมั่นคง และยุทธศาสตร์กล่าวว่า ภาวะการหยุดชะงักของการเติบโตหรือภาวะแคระแกร็นในอินโดนีเซียส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพและพัฒนาการในระยะยาวของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ โดยสถานการณ์ปัจจุบันยังห่างไกลจากเป้าหมาย และนับเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข
จากการสำรวจสุขภาพแห่งชาติปี 2023 อัตราการหยุดชะงักของการเติบโตในประเทศอยู่ที่ 21.5% โดยลดลงเพียง 0.8% จากปีที่แล้ว UNICEF ระบุว่า เด็กอินโดนีเซียอายุต่ำกว่า 5 ปี 1 ใน 12 คนมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ และ 1 ใน 5 คนเติบโตต่ำกว่าเกณฑ์.
ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล
ข้อมูล/ภาพ : thairath