สหรัฐอเมริกาออกประกาศกฎใหม่เมื่อวันอังคาร ห้ามใช้เทคโนโลยีจากจีนในรถยนต์ที่จำหน่ายในตลาดอเมริกา มุ่งเป้าทั้งซอฟ์ตแวร์ และฮาร์ดแวร์อ้างเหตุผลความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ
การประกาศนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังจะหมดวาระ หลังจากที่เขาพยายามเพิ่มมาตรการควบคุมจีน โดยต้องผ่านกระบวนการพิจารณานานหลายเดือน หลังจากการประกาศเมื่อต้นเดือนที่ระบุว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเพิ่มข้อจำกัดใหม่เพื่อลดความเสี่ยงจากโดรนที่มีเทคโนโลยีจากประเทศคู่แข่ง เช่น จีนและรัสเซีย
จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า รถยนต์ในปัจจุบันไม่ใช่แค่รถยนต์ธรรมดา แต่มันคือคอมพิวเตอร์ เพราะรถยนต์สมัยใหม่มีทั้งกล้อง ไมโครโฟน ระบบติดตาม GPS และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ดังนั้นมาตรการนี้จึงมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเทคโนโลยีที่ผลิตในจีนและรัสเซียวิ่งอยู่บนถนนในอเมริกา
อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกิน 10,001 ปอนด์ เท่านั้น แต่รัฐบาลมีแผนที่จะออกกฎแยกสำหรับรถเชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุกและรถโดยสารในอนาคตอันใกล้
ลาเอล เบรนาร์ด ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวเสริมว่าจีนกำลังพยายามครอบงำอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งมีระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งจากต่างประเทศ อาจนำไปสู่การใช้งานข้อมูลที่อ่อนไหวอย่างไม่เหมาะสมหรือเกิดการแทรกแซงได้
ตามกฎที่ประกาศเมื่อวันอังคาร แม้ว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะผลิตในสหรัฐฯ แต่หากผู้ผลิตมีความเกี่ยวข้องที่สำคัญกับจีนหรือรัสเซีย ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขายรถยนต์ใหม่ที่มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ดังกล่าวเช่นกัน โดยการห้ามจำหน่ายดังกล่าวจะมีผลสำหรับรถยนต์รุ่นปี 2027 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กฎระเบียบยังห้ามการนำเข้าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับจีนหรือรัสเซีย โดยข้อจำกัดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์จะมีผลในรุ่นปี 2027 ส่วนฮาร์ดแวร์จะมีผลในรุ่นปี 2030
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร นายโจ ไบเดนได้ออกคำสั่งบริหารเพื่อเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ในประเทศ โดยเขากล่าวในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะไม่ปล่อยให้อเมริกาล้าหลังเมื่อพูดถึงเทคโนโลยีที่กำหนดอนาคต
อย่างไรก็ตาม การดำเนินแผนหลายอย่างในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก หลังการเข้ามารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลครั้งใหญ่เลยทีเดียว.

ที่มา : channelnewsasia
ข้อมูล /ภาพ : thairath