นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศไทย ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่มีชาวกัมพูชาเดินทางขึ้นไปร้องเพลงบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยแสดงสัญลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม และเป็นเหตุให้เกิดความไม่สบายใจจากทางฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเส้นแบ่งที่ชัดเจนในเรื่องการครอบครอง โดยขณะนี้มีการประท้วงไปยังทางการกัมพูชาแล้ว และเตรียมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป

กระทรวงกลาโหมไทยยื่นประท้วง หลังชาวกัมพูชาขึ้นไปร้องเพลงบนปราสาทตาเมือนธม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการร้องเพลงปลุกใจและแสดงสัญลักษณ์ในพื้นที่ที่เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย โดยปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการระบุขอบเขตการครอบครองที่ชัดเจนระหว่างไทยและกัมพูชา นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในฐานะที่พื้นที่นี้อยู่ภายใต้การดูแลของประเทศไทย จึงรู้สึกไม่สบายใจที่มีการกระทำเช่นนี้ เพราะอาจเป็นการส่งสัญลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมและสร้างความตึงเครียดในอนาคต

“การขึ้นไปสักการะหรือท่องเที่ยวบริเวณนี้เป็นเรื่องที่ไทยเปิดให้ประชาชนกัมพูชาเข้ามาทำได้ตามปกติ แต่การร้องเพลงหรือแสดงสัญลักษณ์ในลักษณะดังกล่าว ถือว่าไม่สมควร เพราะมันอาจสร้างความขัดแย้งขึ้นได้” นายภูมิธรรมกล่าว และเสริมว่า การประท้วงในครั้งนี้ได้มีการดำเนินการไปแล้ว โดยทางผู้บัญชาการทหารได้แจ้งเรื่องไปยังฝ่ายกัมพูชา และกำลังรอการตอบสนองจากทางการ

การดำเนินการทางการทูตและการสื่อสารระหว่างสองประเทศ

ขณะนี้ นายภูมิธรรมระบุว่า การดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ในมือของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะหลังจากที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปทำภารกิจที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว การสื่อสารเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวจะได้รับการจัดการโดยการทูตอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ราบรื่น โดยไม่ต้องเกิดเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งเพิ่มเติม

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีนี้ว่า แม้จะไม่มีอะไรที่เกิดความขัดแย้งในระดับประเทศ แต่การกระทำดังกล่าวอาจเป็นการแสดงออกของประชาชนหรือทหารบางส่วนที่ไปเที่ยวและร้องเพลง แต่ก็ไม่ควรที่จะเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งและทำให้สถานการณ์ดังกล่าวเหมือนกับเหตุการณ์ในอดีต

แจงสถานการณ์ไฟป่าจากการซ้อมยิงปืนใหญ่

นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังได้กล่าวถึงกรณีที่เกิดไฟป่าในจังหวัดพะเยา ซึ่งมีการเชื่อมโยงกับการซ้อมยิงปืนใหญ่ของทหาร โดยเขาชี้แจงว่า พื้นที่ที่ใช้ในการซ้อมยิงนั้นเป็นพื้นที่รกร้างและไม่ได้เป็นป่าทึบที่มีความสำคัญทางสิ่งแวดล้อมอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ โดยการซ้อมยิงปืนใหญ่นั้นได้มีการเตรียมการป้องกันไฟล่วงหน้าแล้ว และมีการจัดการดับไฟได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ควันขึ้น

ทั้งนี้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า การซ้อมยิงปืนใหญ่ในช่วงฤดูร้อนอาจต้องมีการทบทวนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไฟป่าอีกในอนาคต แม้จะเป็นการซ้อมตามปกติของทหาร แต่ก็ต้องมีการพิจารณาและเตรียมความพร้อมให้รอบคอบมากขึ้น

ช่องทางติดตามข้อมูลเพิ่มเติม

ท่านสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ และการดำเนินการของรัฐบาลไทยได้ที่เว็บไซต์กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ หรือช่องทางข่าวสารจากสื่อมวลชนต่างๆ