เปิดประวัติ เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แพทองธาร

เปิดประวัติ เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 23 ปี บนเส้นทางการเมือง กลับลำคัมแบ็กช่วยแพทองธาร รับหน้าที่กุนซือวิเคราะห์การเมือง

วันที่ 8 ตุลาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในยุคของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตแกนนำ นปช. เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฒนตรี เป็นการคัมแบ็กสู่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง หลังประกาศยุติบทบาทของผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมปี 2566

เนื่องจากพรรคเพื่ออไทยได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนายณัฐวุฒิ เคยประกาศในช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 ว่า ไม่เอาลุง แต่ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกจากการเมืองแล้ว ส่วน พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ได้ออกจากการร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ

ประวัติ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2518 อายุ 49 ปี เกิดที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช จบการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนวัดพระมหาธาตุ จบระดับมัธยมที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช จบปริญญาตรีนนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต จากนั้นสำเร็จการศึกาปริญญาโ?รัฐประศาสนมหาบัญฑิต สาขาการจัดการภาครัฐ และเอกชนสำหรับผู้บริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

เส้นทางการเมือง

ณัฐวุฒิเริ่มเล่นการเมือง โดยเข้าสังกัดพรรคชาติพัฒนา และลงสมัครรับเลือกตั้ง ในวันที่ 6 มกราคม ปี 2544 จากการชักชวนของธีรศักดิ์ นาคแก้ว ผู้เป็นน้าชาย แต่ได้คะแนนเป็นอันดับสอง โดยพ่ายแพ้คู่แข่งจากพรรคประชาธิปัตย์เพียง 4,000 เสียง

ต่อมา ณัฐวุฒิเข้าสังกัดพรรคไทยรักไทย โดยร่วมทีมปราศรัยล่วงหน้าของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะทำงานโฆษกพรรคไทยรักไทย ต่อมา พรรคคัดเลือกให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 เมษายน ปี 2549 และได้รับเลือกเป็น สส. แต่เกิดการรัฐประหาร 19 กันยายนขึ้นเสียก่อน

บทบาท แกนนำ นปช.

ณัฐวุฒิบนเวทีปราศรัยของ นปช. บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน ปี 2549 ณัฐวุฒิ ร่วมกับวีระ มุสิกพงศ์ และจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาพบกันยังที่ทำการพรรคไทยรักไทย เพื่อแถลงข่าวต่อต้านการรัฐประหาร

ต่อมาช่วงต้นปี ปี 2550 สถานีโทรทัศน์พีทีวีถูกปิดกั้นสัญญาณดาวเทียม จนไม่สามารถออกอากาศได้ ผู้บริหารและผู้จัดรายการจึงออกมาปราศรัยที่ท้องสนามหลวง จนกระทั่งร่วมกับหลายองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน จัดตั้งขึ้นเป็นองค์กรหลักภายใต้ชื่อ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ในเวลาต่อมา โดยณัฐวุฒิเข้ารับตำแหน่งเป็นแกนนำคนหนึ่ง และขึ้นปราศรัยต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาโดยตลอด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

กลางปี  2550 ณัฐวุฒิเข้าสังกัดพรรคพลังประชาชน พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ระบบสัดส่วน กลุ่มที่ 8 พื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2551 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง จากนั้นจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลที่นำโดยสมัคร สุนทรเวช และหลังจากที่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณัฐวุฒิก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลชุดนี้

เลขาธิการและโฆษก นปช.

หลังจากรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์สิ้นสุดลง นปก.จึงเปลี่ยนชื่อองค์กรใหม่เป็น แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ และเปลี่ยนชื่อย่อเป็น นปช. โดยณัฐวุฒิยังเป็นแกนนำอยู่ตามเดิม และหลังเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย เมษายน ปี 2552 ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2552 ซึ่งณัฐวุฒิถูกควบคุมตัว พร้อมกับวีระ มุสิกพงศ์ นายแพทย์เหวง โตจิราการ และแกนนำคนอื่นๆ ในข้อหาก่อการร้าย

พรรคเพื่อไทย รอบที่ 1

ในการเลือกตั้ง ปี 2554 ณัฐวุฒิได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ในสังกัดพรรคเพื่อไทย และเป็นที่คาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ดูแลสื่อมวลชน) แต่ในการแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม กลับไม่มีชื่อของณัฐวุฒิในตำแหน่งใด ๆ

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ปี 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 19

ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี

ณัฐวุฒิได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2555 แทนนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3)

บทบาทในพรรคไทยรักษาชาติ

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ปี 2562 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักษาชาติ ลำดับที่ 7 แต่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก่อนวันเลือกตั้ง

พรรคเพื่อไทย (รอบที่ 2)

ในปี 2565 เขาได้ย้ายกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โดยแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัว ได้จัดงานเปิดตัวณัฐวุฒิที่ The Jam Factory เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนโดยมีบทบาทสำคัญคือการทำหน้าที่ผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป  2566 ซึ่งขึ้นปราศรัยโจมตีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติมาโดยตลอด

แต่หลังจากพรรคเพื่อไทยนำพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมรัฐบาล ณัฐวุฒิได้ประกาศยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ปี2566

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2567 แพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ได้แต่งตั้งให้ณัฐวุฒิให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พร้อมกับธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ยอมรับกลับลำ เพราะเป็นห่วงนายกฯ แพทองธาร

ายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ ให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าว ผ่านเพจ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว”

นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสรยุทธ สอบถามว่าถือเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองหรือไม่ที่กลับมาช่วยพรรคเพื่อไทยทั้งที่ในปี 2566 ได้ประกาศออกจากหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพราะไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับ 2 ลุง โดยนายณัฐวุฒิ ตอบนายสรยุทธว่า ไม่ เพราะตนมีเหตุผล เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไป การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นเป็นหมากล็อก ถึงต้องตั้งรัฐบาลแบบนี้

ที่ถอยออกมาเพราะได้ประกาศกับประชาชนไปแล้วและหวังว่าเมื่อเกิดรัฐบาลแบบนี้ก็น่าจะประคับประคองและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ในหลายเรื่อง แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี นายเศรษฐา ทวีสิน กลับพ้นตำแหน่งคือทุกอย่างเกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียว คือพรรคก้าวไกลถูกยุบตามด้วยนายเศรษฐาพ้นตำแหน่ง พอตนเห็นแบบนี้ก็เป็นห่วงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร

ตนไม่คิดว่านายเศรษฐาจะอยู่แค่ปีเดียว เมื่อเป็นแบบนี้ก็เลยเป็นห่วงน.ส.แพทองธาร แล้วทางนี้ก็อยากให้ตนเข้ามาช่วยด้วย

โดยตนจะเข้ามาร่วมกับทีมงานในการคิดประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ออกความเห็นทางการเมืองรายงานต่อนายกฯ รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารออกสู่ประชาชน ซึ่งหลายคนในทีมงานก็จะมีประสบการณ์มาชวยคิดอ่านสถานการณ์ทางการเมืองกัน

เมื่อถามว่ามาช่วยวิเคราะห์กับดักนายกฯ นายณัฐวุฒิ ไม่ปฏิเสธ พร้อมขยายความว่ามาช่วยสื่อสารกับสังคม มีทีมทำงานอยู่ซึ่งเป็นปกติของทุกนายกฯ ที่จะมีทีมงานแบบนี้

เมื่อถามต่อว่าแล้วทีมงานบ้านพิษณุโลก 5-6 ท่านถือว่าเป็นทีมเดียวกันหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ภารกิจจะไม่ได้เกี่ยวเนื่องกัน เพราะบ้านพิษณุโลกเน้นนโยบายและเอกสารที่จะขับเคลื่อนนโยบาย ส่วนตนจะเกี่ยวข้องกับตัวนายกฯ สถานการณ์ต่างๆ ที่แวดล้อมนายกฯ อยู่

เมื่อถามว่าถือเป็นพี่เลี้ยงนายกฯ นายณัฐวุฒิ ปฏิเสธว่าไม่ใช่พี่เลี้ยงนายกฯ นายกฯไม่จำเป็นต้องมีพี่เลี้ยง เพราะมีศักยภาพ มีความชัดเจนเด็ดขาดแบบที่น.ส.แพทองธารเป็น

เมื่อถามต่อว่า พรรคเพื่อไทยโดนข้อหาตระบัดสัตย์ เมื่อนายณัฐวุฒิกลับเข้ามาทำให้ภาพตระบัดสัตย์นี้กลับมาอีกครั้ง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ เราจะไปห้ามไม่ให้พูดไม่ได้ ตนคิดว่าอย่าไปเปลืองเวลา เพียงแต่เราต้องบอกเหตุผลกับตัวเราเองให้ได้ก่อน เมื่อบอกเหตุผลกับตัวเองได้แล้วก็จะบอกสาธารณะได้ ส่วนว่าจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของคนฟัง

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ

ภูมิธรรม ชี้นายกฯ ตั้ง ‘ณัฐวุฒิ‘ ถูกต้อง ลั่นไม่ใช่เรื่อง รบ. ‘เนวิน‘ พบ ’ทักษิณ‘

4EVE ติดอันดับ 12 เกิร์ลกรุ๊ปที่น่าจับตามองโดย GRAMMY AWARDS