ธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์กเผยผลสำรวจในเดือนกันยายน พบค่าความเสี่ยงการเบี้ยวจ่ายบัตรเครดิตในช่วง 3 เดือนข้างหน้าของชาวอเมริกันสูงที่สุดในรอบ 7 ปีกว่า (ไม่นับช่วงโควิด-19)
ซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2024 ว่า ธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์ก (Federal Reserve Bank of New York) เผยข้อมูลจากการสำรวจความคาดหวังของผู้บริโภค (Consumer Expectations Survey) ประจำเดือนกันยายน พบว่า ชาวอเมริกันกำลังรู้สึกมั่นคงในตำแหน่งงานของตัวเอง พวกเขาคาดหวังว่าจะมีรายได้และสามารถใช้จ่ายได้มากกว่าที่เคยทำได้ก่อนช่วงโควิด-19 ทั้งยังมองว่าภาวะเงินเฟ้อจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ถึงแม้อย่างนั้น พวกเขากลับมีความกังวลต่อหนี้บัตรเครดิตมากขึ้น
ด้วยยอดหนี้ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันจำนวนมากไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ โดยชาวอเมริกันไม่เคยกังวลกับหนี้บัตรเครดิตมากขนาดนี้นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 ซึ่งเป็นเดือนที่โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก
จากข้อมูลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ค่าเฉลี่ยการรับรู้โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการผิดนัดชำระขั้นต่ำ (minimum payment) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าในการสำรวจเดือนกันยายนอยู่ที่ 14.2% เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งหากไม่นับช่วงโควิด-19 ถือเป็นค่าคาดหมายการผิดนัดชำระหนี้ (delinquency expectation) ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 หรือสูงที่สุดในรอบ 7 ปีกว่า
เท็ด รอสส์แมน (Ted Rossman) นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอาวุโสของ แบงก์เรต (Bankrate) บริษัทให้บริการการเงินส่วนบุคคลและให้บริการข้อมูลอัตราดอกเบี้ย กล่าวว่า ข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์กตรงกับที่ข้อมูลอื่น ๆ แสดงไว้ นั่นคือ แม้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังดำเนินไปอย่างแข็งแกร่ง แต่ผู้คนกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นด้วย นั่นเป็นเพราะว่า เงินเฟ้อยังเป็นปัญหาสำคัญ แม้จะลดลงบ้างแล้วก็ตาม แต่รอสส์แมนมองว่าเงินเฟ้อยังคงกร่อนค่าเงิน จนทำให้ผู้คนไม่ได้รู้สึกดีขึ้น แม้ว่ามีค่าแรงเพิ่มขึ้นก็ตาม
รอสส์แมนยังเสริมอีกว่า ผลกระทบสะสมจากช่วงภาวะเงินเฟ้อสูงยังกระทบต่อชาวอเมริกันบางกลุ่มมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่มากขึ้น คนที่ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวกสบายและสะสมรางวัลจะสามารถชำระค่าบัตรเครดิตได้อย่างราบรื่น แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งก็คือกลุ่มคนที่ใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยไม่มีเงินพอจ่ายหนี้ ในระยะยาวก็จะมีปัญหาอย่างมาก
นอกจากนั้น ผลการศึกษาพบว่า ชาวอเมริกันผู้มีรายได้ต่ำต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้อที่สูงกว่า
ธนาคารกลางสหรัฐแห่งมินนิอาโปลิส (Federal Reserve Bank of Minneapolis) วิเคราะห์ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (Bureau of Labor Statistics) พบว่า นับตั้งแต่ปี 2005 ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 64% สำหรับกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่สุด แต่เพิ่มขึ้นเพียง 57% สำหรับครัวเรือนที่มีรายได้สูงที่สุด
สอดคล้องกันกับข้อมูลล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐแห่งนิวยอร์กที่ระบุว่า แม้ตัวเลขการรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระของกลุ่มคนที่มีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 3.3 ล้านบาท) จะสูงขึ้นจาก 6.4% เป็น 8.4% แต่สำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 1.6 ล้านบาท) มีการรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระสูงเป็น 20%

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ