กพช. มีมติชะลอเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสำหรับปี 2565-2573 ปริมาณรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ (MW) และให้ชะลอการลงนามสัญญากับ 3 การไฟฟ้า ไว้ก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง
กฤษฎีกายืนยัน กพช. มีอำนาจสั่งชะลอการลงนามสัญญา
ต่อมา สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้มีหนังสือหารือไปยัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่า กพช. สามารถมีมติชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมและให้ 3 การไฟฟ้า ชะลอการลงนามสัญญาไว้ก่อนได้หรือไม่
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้เผยแพร่บันทึกความเห็นที่ระบุว่า กพช. มีอำนาจเต็มที่ในการชะลอการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนเพิ่มเติม และชะลอการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไว้ก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง
แนะต้องมีกรอบเวลาการตรวจสอบชัดเจน ป้องกันผลกระทบต่อเอกชน
แม้ว่ากฤษฎีกาจะยืนยันอำนาจของ กพช. ในการชะลอการลงนามสัญญา แต่ยังมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ต้องกำหนดกรอบเวลาการตรวจสอบที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากเกินไปต่อผู้ได้รับการคัดเลือกตามประกาศของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการคัดเลือกโครงการไฟฟ้าหมุนเวียน
ประเด็นข้อกฎหมายและความเห็นของกฤษฎีกา
1. กพช. มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่
จากการพิจารณาของกฤษฎีกา กพช. มีอำนาจตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ที่แก้ไขเพิ่มเติมให้สามารถกำหนดนโยบาย บริหาร และพัฒนาพลังงานของประเทศ รวมถึงการติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การที่ กพช. มีมติให้รับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนเพิ่มเติม และต่อมามีมติให้ชะลอการดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายโดยชอบแล้ว
2. กพช. สามารถชะลอการลงนามสัญญาได้หรือไม่
กฤษฎีกาเห็นว่า กพช. สามารถทบทวนหรือแก้ไขมติของตนได้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามติดังกล่าวไม่เหมาะสม หรือมีข้อกังวลด้านกฎหมาย ดังนั้น กพช. จึงมีอำนาจให้ชะลอการดำเนินการของ 3 การไฟฟ้าได้ จนกว่าจะมีผลการตรวจสอบที่ชัดเจน
3. รัฐต้องชดเชยความเสียหายให้เอกชนหรือไม่
ในกรณีที่ผู้ได้รับการคัดเลือกได้รับผลกระทบจากการชะลอการลงนามสัญญา กฤษฎีการะบุว่า ยังไม่สามารถพิจารณาได้ว่าความเสียหายเกิดขึ้นในกระบวนการใด และต้องพิจารณาเป็นรายกรณีว่าภาครัฐมีภาระในการชดเชยหรือไม่
แนวโน้มและผลกระทบต่อภาคพลังงาน
การตัดสินใจของ กพช. ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน ซึ่งบางโครงการอาจมีการลงทุนไปแล้ว ทั้งนี้ ภาครัฐต้องเร่งกำหนดกรอบเวลาการตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อให้กระบวนการพัฒนาไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและผู้ลงทุน

ข้อมูล/ภาพ : สำนักข่าวอิศรา