กฟผ. แสดงความกังวลต่อผลกระทบจากความล่าช้าในการเปิดให้เอกชนขุดถ่านหินแม่เมาะ ชี้อาจกระทบต้นทุนไฟฟ้าและเป็นภาระต่อประชาชน
ความล่าช้าของโครงการขุดถ่านหินแม่เมาะ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกมาเตือนว่าการล่าช้าในการเปิดให้เอกชนเข้าดำเนินการขุดถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ อาจส่งผลต่อ ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีต้นทุนที่แพงกว่าถ่านหิน
ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีคำสั่ง ชะลอโครงการ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของ กฟผ. ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและความไม่แน่นอนของโครงการ
ข้อมูลจากรายการ NATION INSIGHT ตอน “พีระพันธ์ บทจบ แม่เมาะ” เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่าการตัดสินใจของกระทรวงพลังงานครั้งนี้นำไปสู่ ความเสียหายทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟที่อาจพุ่งสูงขึ้นจากความล่าช้าในการขุดถ่านหิน
ผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า
กฟผ. ยืนยันว่าการใช้ถ่านหินแม่เมาะเป็นทางเลือกที่ต้นทุนต่ำกว่าการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ เมื่อเกิดความล่าช้าในการขุดถ่านหิน ภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้จะถูกผลักไปสู่ค่าไฟของประชาชน
ตามข้อมูลของ กฟผ. ความล่าช้านี้อาจทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 8 สตางค์ต่อหน่วย และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดย กฟผ. คาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากกรณีนี้อาจสูงถึง 1,380 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นภาระต่อภาคประชาชนโดยตรง
การบริหารงานที่ผิดพลาดของนายพีระพันธุ์
การสั่งชะลอโครงการของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ขาดความรอบคอบ เนื่องจากท้ายที่สุด คณะกรรมการสอบสวนไม่ได้พบความผิดปกติที่ร้ายแรงจนถึงขั้นต้องยกเลิกโครงการ แต่การชะลอโครงการกลับนำไปสู่ความล่าช้าและเพิ่มภาระต้นทุนค่าไฟ
มีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายพีระพันธุ์มอบหมายให้ เลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามในคำสั่งสรุปผลสอบสวน แทนที่จะลงนามด้วยตัวเอง อาจสะท้อนถึงความไม่แน่ใจในการตัดสินใจของกระทรวงพลังงาน ซึ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งสับสนมากขึ้น
รายการ NATION INSIGHT ยังรายงานว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ กฟผ. ที่เข้าให้ปากคำในการสอบสวนครั้งนี้ ถูกปฏิบัติราวกับเป็นผู้ต้องหา ทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นวงกว้าง และส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจในการทำงาน
แนวโน้มและผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในอนาคต
ขณะนี้ กฟผ. อยู่ระหว่างพิจารณาขั้นตอนต่อไปหลังจากได้รับข้อสังเกตจากคณะกรรมการสอบสวน หากการดำเนินโครงการยังคงล่าช้า อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง ปัญหาในการบริหารจัดการของกระทรวงพลังงานภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางพลังงานและภาระค่าไฟฟ้าของประชาชนในระยะยาว

ข้อมูล/ภาพ : ฐานเศรษฐกิจ