อดีตแกนนำพันธมิตรฯ วิจารณ์หนัก อนุทินเมินแก้ปัญหาคนต่างชาติ
16 มีนาคม 2568 – สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกโรงวิจารณ์ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่างเผ็ดร้อน โดยชี้ว่า อนุทินไม่เคยแก้ปัญหาการรุกล้ำของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จนทำให้เกิดข้อกังขาถึงการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือมีเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
ความล้มเหลวที่ปิดไม่มิด
ข้อกล่าวหาหนักที่สนธิหยิบยกขึ้นมาคือ การออกบัตรประชาชนให้กับชาวโรฮิงญา ในพื้นที่แม่สอด ซึ่งส่งผลกระทบต่ออธิปไตยของชาติอย่างร้ายแรง กระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรงกลับนิ่งเฉย ไม่แสดงท่าทีใด ๆ ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชาวโรฮิงญาใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย ซื้อที่ดินและสร้างบ้านจัดสรรขายให้กับคนชาติเดียวกัน โดยอาศัยคนไทยเป็นนอมินี ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นมาหลายปี แต่ไม่มีใครสามารถจัดการได้ กระทรวงมหาดไทยภายใต้การนำของอนุทินก็ยังคงเลือกที่จะ “อยู่เงียบ ๆ แล้วเดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง” หรือแท้จริงแล้วอาจจะไม่สนใจแก้ไขปัญหาตั้งแต่แรก?
ท่าทีของอนุทิน: นิ่งเฉย หรือไร้คำตอบ?
ในขณะที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ อนุทินกลับเลือกที่จะไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือชี้แจงใด ๆ กับประชาชนเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้ นี่เป็นกลยุทธ์ทางการเมือง หรือเป็นเพราะไม่มีคำตอบให้จริง ๆ?
กลยุทธ์ “เงียบไว้ก่อน เดี๋ยวพายุผ่านไปเอง” อาจใช้ได้ในบางกรณี แต่ครั้งนี้เป็นข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับ อธิปไตยของชาติ การเพิกเฉยอาจทำให้คะแนนนิยมของอนุทินดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ประชาชนที่ไม่พอใจ แต่พรรคร่วมรัฐบาลเองก็อาจต้องออกมาตั้งคำถามว่า จะปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาไปอีกนานแค่ไหน?
แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น: อนุทินจะเอาตัวรอดได้หรือไม่?
หากปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม อาจไม่ใช่แค่กระแสข่าวชั่วคราว แต่จะกลายเป็นระเบิดเวลาทางการเมือง ที่อาจส่งผลให้อนุทินกลายเป็นภาระของพรรคร่วมรัฐบาลแทนที่จะเป็นทรัพย์สินทางการเมือง
หรือว่านี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของนักการเมืองที่มุ่งรักษาอำนาจ มากกว่าการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน? ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเคยเห็นนักการเมืองจำนวนมากที่เลือกใช้แนวทางเดียวกัน และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการถูกเขี่ยออกจากสนามการเมือง หากอนุทินยังคง “ก้มหน้าเงียบ” ไม่แสดงความรับผิดชอบ เรื่องนี้อาจกลายเป็นจุดจบของเส้นทางการเมืองของเขาก็เป็นได้

ข้อมูล/ภาพ : ThaiCH8 ,Manager Online