ทักษิณเสนอแผนให้เอกชนซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคาร หวังช่วยแก้วิกฤติหนี้
กรุงเทพฯ – วันที่ 17 มีนาคม 2568 – นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนวคิดให้ ภาคเอกชนเข้ามาซื้อหนี้สินของประชาชนจากธนาคาร โดยไม่ใช้เงินของรัฐบาล เพื่อช่วยให้ประชาชนที่เป็นหนี้สามารถผ่อนชำระได้ง่ายขึ้น และสามารถกลับมาใช้ชีวิตทางเศรษฐกิจได้อย่างปกติ แนวคิดนี้ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย เนื่องจากอาจเป็นแนวทางที่ช่วยลดภาระหนี้ของประชาชนในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
หลักการของแนวคิด
ปัจจุบันประชาชนจำนวนมากติด เครดิตบูโร และไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อใหม่ได้ ขณะเดียวกัน ธนาคารก็มีหนี้เสีย (NPL) สะสมเป็นจำนวนมาก แนวทางปัจจุบันคือ ธนาคารมักขายหนี้เสียให้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) หรือกองทุนต่างชาติ ซึ่งซื้อในราคาต่ำและมักมีมาตรการทวงหนี้ที่เข้มงวด แต่นายทักษิณเสนอให้ เอกชนไทยที่มีศักยภาพเข้ามาซื้อหนี้แทน เพื่อให้ประชาชนสามารถผ่อนชำระได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มนักลงทุนที่หวังกำไรสูงสุด
บทบาทของเอกชนและผลกระทบต่อประชาชน
เอกชนที่จะเข้ามาซื้อหนี้จะมีโอกาสกำหนด เงื่อนไขผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นขึ้น เช่น ขยายระยะเวลาผ่อน ลดดอกเบี้ย หรือแม้แต่ลดยอดหนี้บางส่วน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่เคยติดเครดิตบูโรสามารถกู้เงินใหม่และกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ ธนาคารเองก็จะได้รับเงินคืนบางส่วนจากหนี้เสียที่เคยไม่มีโอกาสเก็บคืน
ความเป็นไปได้และข้อกังวล
แม้แนวคิดนี้จะได้รับความสนใจ แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความโปร่งใสของเอกชนที่จะเข้ามาซื้อหนี้ รวมถึงมาตรการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการฉวยโอกาส เช่น การคิดดอกเบี้ยสูงเกินไปหรือใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรง นอกจากนี้ ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่า รัฐบาลจะมีบทบาทกำกับดูแลอย่างไร เพื่อให้แน่ใจว่าแนวคิดนี้จะช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง
มุมมองต่อแนวคิดนี้
แนวคิดของนายทักษิณเป็น แนวทางที่น่าสนใจในการลดภาระหนี้ประชาชน โดยให้เอกชนเข้ามาช่วยเหลือแทนกองทุนต่างชาติ แต่ยังคงต้องมีมาตรการกำกับดูแลที่ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เอกชนบางกลุ่มฉวยโอกาสจากสถานการณ์หนี้สินของประชาชน แนวทางนี้จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการตอบรับจากทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลในอนาคต

ข้อมูล/ภาพ : มติชน