สภาฯ มีมติปลดล็อกโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดทางให้ประชาสัมพันธ์ได้
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ … พ.ศ. … ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ด้วยเสียง 365 ต่อ 0 โดยมี 3 เสียงไม่ลงคะแนน
การแก้ไขครั้งนี้เป็นการ ปลดล็อกข้อจำกัดด้านการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีมานาน ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ถูกดำเนินคดี รวมถึงเปิดทางให้ผู้ประกอบการสามารถประชาสัมพันธ์สินค้าได้มากขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
ปลดล็อกมาตรา 32 เปิดทางโฆษณาแอลกอฮอล์
การแก้ไขมาตรา 32 และผลกระทบสำคัญ
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางคือ มาตรา 32 ซึ่งเดิมกำหนดว่า
“ห้ามผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม”
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติ ไม่เห็นด้วยกับข้อห้ามดังกล่าว โดยมีผลโหวต 371 ต่อ 1 เสียง และ 1 เสียงงดออกเสียง ทำให้สามารถประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ต้องไม่เป็นการชักจูงให้บริโภค หรืออวดอ้างสรรพคุณเกินจริง
ผู้ประกอบการสามารถโฆษณาได้ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข
การแก้ไขครั้งนี้ช่วยให้ ผู้ประกอบการสามารถโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าได้มากขึ้น แต่ยังต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่ชัดเจน ได้แก่:
- ห้ามเชิญชวนให้ดื่ม หรืออวดอ้างสรรพคุณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ห้ามใช้ตราสินค้าหรือตราเสมือน เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดว่าเป็นโฆษณาเชิงพาณิชย์
- ประชาชนทั่วไปสามารถโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ หากไม่มีเจตนาเพื่อการค้า
มุมมองจากกรรมาธิการและภาคธุรกิจ
หลังมติดังกล่าว นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การแก้ไข ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับนี้เป็นผลจากการพิจารณาที่ยาวนาน และต้องสร้างสมดุลระหว่าง การควบคุมทางกฎหมายกับการส่งเสริมเศรษฐกิจ
“เราต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสม เพื่อให้กฎหมายสามารถควบคุมการบริโภคได้โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพของประชาชน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง”
นอกจากนี้ ภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผู้ประกอบการด้านโฆษณาต่างให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยระบุว่า เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการตลาดและการสร้างแบรนด์ ในขณะที่ยังต้องรักษามาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและสังคม
การเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มองว่าการปลดล็อกครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมการตลาด โดยสามารถใช้ช่องทางออนไลน์และสื่อดิจิทัล ในการสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องระมัดระวังการนำเสนอเนื้อหาที่อาจถูกตีความว่าเป็นการชักจูงให้ดื่ม
ผลกระทบต่อสังคมและเยาวชน
แม้ว่าการอนุญาตให้ประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเยาวชนและการบริโภคที่เกินพอดี ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสังคม ดังนั้น จึงมีการเรียกร้องให้ภาครัฐออกแนวทางกำกับดูแลเพิ่มเติม เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
แนวทางการบังคับใช้กฎหมายใหม่
ร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีการกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมผ่าน กฎกระทรวงและประกาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แม้ว่าจะมีการปลดล็อกข้อจำกัดเรื่องการประชาสัมพันธ์แอลกอฮอล์ แต่ยังคงมี เงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น ห้ามเชิญชวนให้ดื่ม หรือโฆษณาในลักษณะที่อาจส่งผลกระทบต่อเยาวชนและสังคมโดยรวม

ข้อมูล/ภาพ : Thai PBS