พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เสือเงียบการเมือง กับโอกาสขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกจับตามองในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ใช่นักการเมืองที่โด่งดังในกระแสหลัก แต่เส้นทางการเมืองที่แน่นแฟ้น ประสบการณ์ทางกฎหมาย และความสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจรัฐ ทำให้เขาถูกวางตัวเป็น “คนของระบบ” ที่อาจมีบทบาทสำคัญทางการเมืองในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศต้องการผู้นำที่มั่นคงและมีความเข้าใจเชิงลึกต่อโครงสร้างรัฐ

เส้นทางจากศาลสู่สภา: นักกฎหมายสู่คนการเมือง

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เริ่มต้นอาชีพจากสายงานตุลาการ เป็นผู้พิพากษาและข้าราชการในกระบวนการยุติธรรม ก่อนจะเข้าสู่สนามการเมืองในปี 2539 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ด้วยบุคลิกสุขุม เน้นเนื้อหามากกว่าการสร้างภาพ เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักกฎหมายมือดีที่ผลักดันกฎหมายสำคัญ เช่น พ.ร.บ.ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ซึ่งกลายเป็นฐานสำคัญของความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐในระยะยาว

การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองและการวางหมากอย่างมีระบบ

ในปี 2562 พีระพันธุ์ ตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์และเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยได้รับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนจะก่อตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติ ในปี 2565 และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค

พรรครวมไทยสร้างชาติถูกวางตัวเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่รองรับอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ในช่วงปลายอำนาจ และแม้จะได้เพียง 36 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 2566 แต่พีระพันธุ์ก็ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่กลุ่มอำนาจมีต่อเขา

การเดินหมากแบบเงียบ และตำแหน่งที่ทรงอิทธิพล

แม้ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พีระพันธุ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเจรจาร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะการตั้งเงื่อนไข “ไม่แก้มาตรา 112” ในการสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่ชัดเจนทางอุดมการณ์ และความสามารถในการประนีประนอมโดยไม่เสียจุดยืน

ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นกระทรวงยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมัน และพลังงานสะอาด — ประเด็นสำคัญที่กระทบประชาชนโดยตรง และยังเป็นเวทีสร้างทุนอำนาจที่จับต้องได้ในระดับมหภาค

เสือเงียบที่รอจังหวะก้าวขึ้นแท่นผู้นำ

แม้ไม่มีฐานมวลชนขนาดใหญ่ และไม่ใช่ชื่อที่ติดอันดับต้น ๆ ในโพลนิยม แต่พีระพันธุ์คือคนที่ “ระบบ” ไว้ใจ กลุ่มอำนาจเดิมสามารถพูดคุยด้วย และกลุ่มใหม่ยังไม่ต่อต้าน นี่คือจุดแข็งในบริบทที่การเมืองเต็มไปด้วยความเปราะบาง

ในห้วงเวลาที่ประเทศต้องการผู้นำที่มั่นคง สุขุม เข้าใจโครงสร้างรัฐ และไม่กระตุกเส้นสมดุลของอำนาจ — พีระพันธุ์อาจไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเรียกร้อง
แต่อาจเป็นนายกรัฐมนตรีที่ “รัฐ” ต้องใช้

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, นายกรัฐมนตรี, การเมืองไทย, รัฐบาลไทย, พรรครวมไทยสร้างชาติ

กรุงไทย–ทีทีบี แถลงปัดข่าวลือควบรวมกิจการ ยืนยันไม่มีแผน

ไฟป่ารุนแรงในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา สั่งอพยพประชาชนด่วน