เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ใช้เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เปิดฉากโจมตีรัฐบาลด้วยประเด็นที่ฟังดูเหมือนเรื่องเล็ก—แต่แรงสะเทือนระดับประเทศ นั่นคือ “ปลาหมอคางดำ”
สิ่งที่ฟังดูเหมือนปัญหาสิ่งแวดล้อมกลับถูกแปรเปลี่ยนเป็นหลักฐานของความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง และการละเลยต่อประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในกว่า 19 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้และภาคกลาง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดของปลาชนิดนี้
ณัฐชา เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงเพิกเฉยต่อรายงานของคณะกรรมาธิการที่เสนอแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ชาวบ้านถึงกับ นำปลาหมอคางดำจำนวนกว่า 2 ตันมาเทหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อส่งสัญญาณความเดือดร้อน
การอภิปรายของเขายังพุ่งเป้าไปที่ “ต้นทาง” ของปลาชนิดนี้ โดยระบุว่าในปี 2549 มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งนำเข้าปลาหมอคางดำจากต่างประเทศ และเขาตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทดังกล่าวอาจมีความเกี่ยวข้องเชิงธุรกิจกับเครือญาติของนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน
แม้เขาจะไม่ได้กล่าวหาตรง ๆ แต่การตั้งคำถามอย่างมีน้ำหนักว่า
“รัฐบาลที่มาจากตระกูลเดียวกับบริษัทผู้นำเข้าปลานี้ จะกล้าจัดการจริงหรือไม่?”
คือการเปิดโปงความเป็นไปได้ของ ผลประโยชน์ทับซ้อน ที่อาจอยู่เบื้องหลังความเงียบงันของฝ่ายบริหาร
ชาวประมงในภาคใต้หลายรายต้องเลิกอาชีพ เพราะปลาในกระชังถูกปลาคางดำกินหมด ขณะที่พืชน้ำท้องถิ่นกำลังสูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว ระบบนิเวศที่พังทลายคือผลลัพธ์ของการไม่บริหารจัดการ และไม่ยอมรับความจริงของรัฐบาลนี้
ก่อนจบการอภิปราย ณัฐชา เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนพิจารณา ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เพื่อยุติวงจรของการเมืองที่เอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุน และเพิกเฉยต่อความทุกข์ของประชาชน
“ถ้าสภานี้ยังมีจิตวิญญาณของผู้แทนราษฎร จงลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เพื่อปกป้องประชาชนจากระบบที่ไม่ยุติธรรม”
ปลาหมอคางดำอาจไม่มีพิษ แต่คำอภิปรายของณัฐชาในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า ปัญหานี้กำลังกลายเป็นพิษร้ายที่กัดกินทั้งประชาธิปไตย สิ่งแวดล้อม และความไว้เนื้อเชื่อใจในรัฐบาลอย่างช้า ๆ และเงียบงัน

ข้อมู/ภาพ : PPTV