นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มีรายได้ปีละ 268.57 ล้าน แต่ยื่นภาษีเพียง 5.43 ล้าน
ในช่วงที่ค่าครองชีพสูงขึ้นและประชาชนต้องเผชิญกับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลการเสียภาษีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อมีการเปิดเผยว่ามีรายได้รวมกว่า 268.57 ล้านบาทต่อปี แต่ยื่นภาษีเพียง 5.43 ล้านบาท ทำให้เกิดข้อถกเถียงถึงความเป็นธรรมของโครงสร้างภาษีในประเทศไทย
รายได้ของนายกรัฐมนตรี: ตัวเลขที่ต้องรู้
จากข้อมูลที่เปิดเผย นางสาวแพทองธาร มีรายได้ต่อปีประมาณ 268.57 ล้านบาท โดยมาจากหลายแหล่ง ได้แก่:
- เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส: 3.41 ล้านบาท
- เงินปันผลจากการถือหุ้น: 259.27 ล้านบาท
- ดอกเบี้ย: 2 ล้านบาท
- ค่าเช่า: 890,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เงินได้ที่ถูกนำไปเสียภาษีมีเพียง 5.43 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงมีความแตกต่างระหว่าง “รายได้ทั้งหมด” กับ “เงินได้ที่ต้องเสียภาษี” ในระดับที่สูงขนาดนี้
เมื่อเทียบกับประชาชนทั่วไป
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า กว่า 60% ของครัวเรือนในภูมิภาคมีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน หรือ ประมาณ 240,000 บาทต่อปี
ภาระภาษีของประชาชนชนชั้นล่างถึงกลาง (รายได้ 15,000 – 20,000 บาทต่อเดือน)
- รายได้ 180,000 – 240,000 บาทต่อปี อยู่ในฐานภาษีที่ต้องเสียภาษีในอัตราก้าวหน้า 5%
- หลังหักค่าลดหย่อนส่วนบุคคล 60,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายเงินเดือนสูงสุด 100,000 บาท รายได้สุทธิจะอยู่ที่ 20,000 – 80,000 บาท
- เงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี
- ผู้ที่มีรายได้ระดับ 200,000 – 240,000 บาทต่อปี จะเสียภาษีในอัตรา 5% ของรายได้ส่วนที่เกิน 150,000 บาท หรือคิดเป็น 2,500 – 4,500 บาทต่อปี
เปรียบเทียบกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร
- ประชาชนชนชั้นล่างถึงกลางที่มีรายได้ 180,000 – 240,000 บาทต่อปี อาจต้องเสียภาษี 2,500 – 4,500 บาท
- นายกรัฐมนตรีมีรายได้ 268.57 ล้านบาท แต่ยื่นภาษีเพียง 5.43 ล้านบาท หรือประมาณ 2% ของรายได้
ภาษีที่แตกต่าง สะท้อนอะไร?
- คนทำงานประจำต้องเสียภาษีมากกว่าผู้ที่มีรายได้จากการลงทุน
- ระบบภาษีเอื้อให้คนที่มีรายได้จากเงินปันผลเสียภาษีน้อยกว่าคนที่มีรายได้จากเงินเดือน
- เมื่อผู้นำประเทศเองก็ได้รับผลประโยชน์จากระบบภาษีแบบนี้ ประชาชนจึงตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมของกฎหมายภาษีไทย
ความโปร่งใสและความเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้น
แม้ว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดทางกฎหมายเกี่ยวกับการยื่นภาษีของนายกรัฐมนตรี แต่คำถามสำคัญคือ โครงสร้างภาษีไทยเป็นธรรมต่อทุกคนหรือไม่?
- ถึงเวลาหรือยังที่ต้องปฏิรูประบบภาษีให้ยุติธรรมขึ้น?
- ประชาชนทั่วไปควรมีโอกาสจ่ายภาษีในสัดส่วนที่เป็นธรรมมากกว่านี้หรือไม่?
- รัฐบาลควรแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางภาษีหรือไม่?
ในขณะที่ประชาชนที่มีรายได้หลักหมื่นต่อเดือนต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง แต่คนที่มีรายได้หลักร้อยล้านกลับเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า คำถามนี้อาจไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของตัวเลขอีกต่อไป แต่มันคือเรื่องของ ความยุติธรรมในสังคมไทย

ข้อมูล/ภาพ : มติชน ,infoquest