ในเดือนเมษายนนี้ รัฐบาลไทยเตรียมประกาศใช้ พระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ อย่างเป็นทางการ โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ ธนาคารพาณิชย์ ค่ายโทรศัพท์มือถือ และแพลตฟอร์มดิจิทัล ต้องร่วมรับผิดชอบหากเกิดการฉ้อโกงทางไซเบอร์ผ่านระบบของตน ถือเป็นครั้งแรกที่กฎหมายไทยกำหนดความรับผิดชอบร่วมของภาคเอกชนในลักษณะนี้อย่างชัดเจน
ธนาคาร-ค่ายมือถือ ต้องรับผิดหากปล่อยให้บัญชีม้าทำงาน
พระราชกำหนดฉบับใหม่ มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการปัญหา อาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ “บัญชีม้า” และการหลอกลวงออนไลน์
นายประเสริฐ ระบุว่า หากพบว่า ธนาคารหรือค่ายมือถือ ละเลยหรือไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่รัดกุม เช่น การเปิดบัญชีโดยไม่ตรวจสอบประวัติผู้ขอเปิด หรือการออกซิมโดยไม่ยืนยันตัวตนอย่างเหมาะสม หน่วยงานนั้นจะต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น
ยกตัวอย่างกรณีที่ “รู้ทั้งรู้ว่าเป็นบัญชีม้า แต่ยังเปิดให้บริการ” หากภายหลังเกิดการฉ้อโกงประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดตามกฎหมายฉบับใหม่นี้ทันที
ศาลเป็นผู้วินิจฉัยสัดส่วนความรับผิดชอบ
แม้จะยังไม่มีการกำหนดชัดเจนว่า หน่วยงานใดต้องรับผิดชอบในสัดส่วนเท่าใด หากเกิดความเสียหาย ศาลจะเป็นผู้พิจารณาและวินิจฉัย ตามพฤติการณ์ของแต่ละกรณี
กระบวนการนี้ถูกมองว่าอาจใช้เวลานาน หากมีการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา แต่ นายประเสริฐ มองว่า หากดำเนินการในศาลชั้นต้นอย่างรอบคอบ การตัดสินอาจใช้เวลาไม่นาน และจะเป็น “บรรทัดฐาน” สำคัญในการวางระบบความรับผิดชอบร่วมในอนาคต
เปลี่ยนจาก “รับรู้” เป็น “รับผิด” ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
ในอดีต ภาคเอกชนมักแสดงท่าที “รับรู้” ต่อปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ แต่ไม่ได้ “รับผิด” โดยตรง กฎหมายใหม่นี้จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
การเปิดบัญชี หรือการออกหมายเลขโทรศัพท์แบบง่าย ๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป หากระบบตรวจสอบภายในไม่รัดกุม ความรับผิดจะตกอยู่กับผู้ให้บริการโดยตรง
พ.ร.ก.ไซเบอร์ จึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือทางกฎหมาย แต่ยังเป็น “กระจกสะท้อน” โครงสร้างความรับผิดชอบของทุกฝ่ายในระบบดิจิทัลไทย ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ไปจนถึงแพลตฟอร์มเทคโนโลยี
ไม่ใช่แค่เรื่องของตำรวจอีกต่อไป
การต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ไม่สามารถฝากไว้ที่ตำรวจเพียงลำพังได้อีกแล้ว กฎหมายฉบับนี้ส่งสัญญาณชัดว่า ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม
หากธนาคารยังคงเปิดบัญชีง่าย ๆ ด้วยเพียงบัตรประชาชน
หากค่ายมือถือยังออกซิมนับหมื่นโดยไม่ตรวจสอบ
หากแพลตฟอร์มยังไม่จัดการบัญชีปลอมในระบบของตน
ผลกระทบจะไม่จบแค่ผู้เสียหาย — แต่ผู้ให้บริการเองก็จะต้อง รับผิดชอบร่วมด้วยตามกฎหมาย

ข้อมูล/ภาพ : แนวหน้า