สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า บริษัทที่รับงานก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เกิดเหตุถล่มยังไม่ถูกขึ้นบัญชีดำในขณะนี้ โดยระบุว่า เกณฑ์ด้านความปลอดภัยที่จะนำมาใช้เป็นหลักในการพิจารณายังอยู่ระหว่างดำเนินการ พร้อมย้ำว่าแม้ยังไม่ถูกแบล็กลิสต์ แต่หากพบความผิดพลาดที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จะมีโทษทางอาญาอย่างแน่นอน
ยังไม่ถึงเกณฑ์แบล็กลิสต์ แต่มีโทษอาญา
สุริยะเปิดเผยว่า การขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมานั้นจะต้องอิงตามเกณฑ์ความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มใช้ในทางปฏิบัติ โดยอยู่ในระหว่างการพูดคุยกับกรมบัญชีกลาง เพื่อจัดทำระบบที่สามารถตัดคะแนนบริษัทที่มีปัญหา เช่น หากเกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในโครงการ จะต้องถูกหักคะแนน และหากถึงเกณฑ์จะถูกแบล็กลิสต์
อย่างไรก็ตาม แม้ยังไม่มีเกณฑ์ทางเทคนิคที่นำมาใช้ได้ทันที แต่ในทางกฎหมาย สุริยะยืนยันว่า “มีโทษอาญาแน่นอน” โดยอ้างถึงกรณีทางด่วนพระราม 3 ที่เคยเกิดเหตุถล่ม และมีการส่งข้อมูลหลักฐานให้ตำรวจดำเนินคดีไปแล้ว
เปิดช่องโหว่สัญญา – ปัญหาที่ระบบไม่เคยปรับลด
ในมุมของระบบจัดชั้นผู้รับเหมา สุริยะยอมรับว่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีการปรับลดชั้นของบริษัทผู้รับเหมาที่มีปัญหา แม้ผลงานจะไม่ดี และยังคงได้รับการจัดอยู่ในชั้นพิเศษ เป็นระบบที่ขาดกลไกลงโทษอย่างแท้จริง
เขาเปิดประเด็นว่า สัญญาก่อสร้างของรัฐในปัจจุบันมีบทลงโทษแค่เรื่องความล่าช้าเท่านั้น แต่ไม่มีบทลงโทษด้านความปลอดภัย จึงต้องเร่งพัฒนาเกณฑ์ใหม่เพื่อให้สามารถใช้ควบคู่ไปกับการจัดลำดับคุณภาพของผู้รับเหมาในอนาคต
สร้างความมั่นใจหรือแค่เลี่ยงความเสี่ยง?
เมื่อถูกถามถึงแนวทางสร้างความมั่นใจให้ประชาชนที่ต้องใช้ถนนร่วมกับโครงการก่อสร้าง สุริยะระบุว่า กระทรวงคมนาคมกำหนดให้ก่อสร้างเฉพาะตอนกลางคืน เพื่อลดผลกระทบจากวัสดุหรืออุปกรณ์ที่อาจตกลงมา ซึ่งแม้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อผู้ใช้ทาง แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องคุณภาพของวัสดุ หรือการเลือกผู้รับเหมาที่โปร่งใสและปลอดภัยกว่าเดิม
สิ่งที่สะท้อนจากคำตอบเหล่านี้คือความพยายามรักษาสมดุลระหว่างแรงกดดันจากสังคม กับโครงข่ายผลประโยชน์ในวงการก่อสร้างที่โยงใยซับซ้อน จนประชาชนต้องตั้งคำถามว่า โครงสร้างพื้นฐานของประเทศนี้ สร้างขึ้นเพื่อใคร และปลอดภัยจริงหรือไม่?

ข้อมูล/ภาพ : PPTV