อาคารตรวจเงินแผ่นดินถล่มกลางกรุง จุดประเด็นจริยธรรมในโครงการภาครัฐ

เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเกิดเหตุพังถล่มบางส่วนหลังเกิดแผ่นดินไหวในประเทศลาว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับโครงการที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า “ไอทีดี-ซีอาร์อีซี” นำโดย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง China Railway Group (CREC) ทำให้เกิดคำถามในสังคมถึงความเหมาะสมและจริยธรรมของการให้บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะที่มีประวัติถูกตั้งคำถามด้านความโปร่งใสและมาตรฐาน เข้ามาดำเนินโครงการก่อสร้างของหน่วยงานตรวจสอบการเงินการคลังของรัฐเอง

บริษัทต่างชาติ กับภารกิจอันเปราะบางของ สตง.

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินของหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ อาคารแห่งใหม่นี้จึงเปรียบได้กับสัญลักษณ์แห่งความโปร่งใส แต่เมื่อปรากฏว่าผู้รับเหมาหลักของโครงการคือ China Railway Number 10 (ประเทศไทย) ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนที่เคยมีข่าวทุจริตและติดสินบนในต่างประเทศ ย่อมทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสมในการคัดเลือกบริษัทดังกล่าวเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง

นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ถล่มไม่นาน บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ได้ลบข้อมูลของโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. ออกจากเว็บไซต์ของตนเองอย่างรวดเร็ว ยิ่งเพิ่มความสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานตรวจสอบของรัฐโดยตรง

คำถามต่อความโปร่งใส และบทเรียนจากเหตุการณ์

การถล่มของอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายด้านโครงสร้าง แต่ยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอิสระอย่าง สตง. ที่ควรจะตั้งมาตรฐานความโปร่งใสให้กับระบบราชการทั้งหมด

เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของโครงสร้างอาคาร แต่คือการเปิดคำถามใหญ่ถึงระบบการตัดสินใจของรัฐ ว่ามีการพิจารณาประวัติ ความโปร่งใส และคุณภาพของผู้รับเหมาอย่างรอบด้านหรือไม่ รวมถึงมีระบบติดตาม ตรวจสอบ และกำกับดูแลอย่างเข้มงวดมากพอหรือยัง โดยเฉพาะในโครงการที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณจำนวนมหาศาล

ข้อมูล/ภาพ : มติชน