คณะรัฐมนตรีไฟเขียวร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เดินหน้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรก่อนปิดสมัยประชุม ฝ่ายค้าน-ประชาชนเสียงแตก หวั่นกระทบสังคมและมอมเมาประชาชน

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2568 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุน การท่องเที่ยว และการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในรูปแบบ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่รวมกาสิโนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ โดยกำหนดให้พื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งต่อให้ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในวาระแรกก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 10 เมษายนนี้ ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากหลายฝ่ายที่กังวลถึงผลกระทบในวงกว้าง

รัฐเร่งผลักดันกฎหมาย ชี้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

การผลักดันให้เกิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาล โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกจัดให้เป็นเรื่องเร่งด่วน และถูกบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาฯ ในวันที่ 3 เมษายน 2568 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันด้านการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะเน้นว่าเป็น “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ไม่ใช่ “กาสิโน” แบบเดี่ยว ๆ แต่ข้อเสนอของรัฐบาลยังคงถูกจับตามองจากทั้งภาคสังคมและสื่อ เพราะนี่คือครั้งแรกที่มีการเปิดทางให้การจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายในไทยสามารถเกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ

ฝ่ายค้านและภาคประชาชนหวั่นซ้ำเติมปัญหาสังคม

แม้รัฐบาลจะให้เหตุผลด้านเศรษฐกิจ แต่เสียงคัดค้านยังคงดังก้องในสภาและบนโซเชียลมีเดีย โดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน ออกมาแสดงความกังวลว่า การพิจารณาร่างกฎหมายนี้อาจเร่งรีบเกินไป โดยเฉพาะในช่วงปลายสมัยประชุม และยังมีวาระเร่งด่วนอื่น ๆ ที่ต้องดำเนินการก่อน เช่น การรับมือกับเหตุแผ่นดินไหว

ขณะที่ นิด้าโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน พบว่าร้อยละ 59.16 ไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้มีสถานบันเทิงครบวงจรที่รวมกาสิโน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการ “มอมเมาประชาชน” และอาจนำไปสู่ปัญหาสังคม เช่น การติดพนัน ปัญหาครอบครัว และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง

เงื่อนไขเข้ากาสิโนสุดโหด แค่กันคนไทยหรือเอื้อนายทุน?

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือ เงื่อนไขการเข้าใช้บริการกาสิโนของคนไทย โดย คณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอให้ผู้ที่มีสิทธิ์เล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอย่างน้อย 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าเงื่อนไขนี้จะเป็นเพียงกลไกกันประชาชนทั่วไปออกจากระบบ หรืออาจเป็นการเปิดทางให้กลุ่มทุนบางกลุ่มได้สิทธิประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม

เสียงวิจารณ์ยังชี้ว่า ข้อกำหนดนี้อาจส่งผลย้อนกลับ ทำให้เกิดตลาดการพนันผิดกฎหมายและการฟอกเงินในระบบใต้ดินมากยิ่งขึ้น

“การเร่งผลักดันโดยไม่เปิดพื้นที่ให้ถกเถียงอย่างโปร่งใส เป็นความเสี่ยงทางนโยบายที่อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งในอนาคต” เขาระบุ พร้อมแนะนำว่าควรศึกษาประสบการณ์จากประเทศที่เปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย เช่น สิงคโปร์ หรือเกาหลีใต้ เพื่อนำบทเรียนมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของไทย

ข้อมูล/ภาพ : ไทยโพสต์