วรภพ วิริยะโรจน์ ออกโรงแฉมติ ครม. ลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย เป็นเพียงเป้าหมาย ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ชี้รัฐบาลเอื้อทุนพลังงาน ค่าไฟยังจ่ายแพง 4.15 บาทต่อหน่วย ขณะแผนซื้อไฟเพิ่มอีก 1,500 เมกะวัตต์ เสี่ยงประชาชนแบกภาระยาว 25 ปี
มติ ครม. 1 เม.ย. หวังลดค่าไฟ แต่ความจริงยังไม่เปลี่ยน
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติ “รับทราบ” เป้าหมายในการลดค่าไฟฟ้าลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย สร้างความหวังให้ประชาชนทั่วประเทศที่กำลังเผชิญภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ออกมาเปิดเผยว่า มติดังกล่าวเป็นเพียง “การกำหนดเป้าหมาย” ทางนโยบายเท่านั้น
วรภพ ระบุชัดว่า “ค่าไฟที่ประชาชนจ่ายจริง ยังอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย” ซึ่งต่างจากตัวเลขที่รัฐบาลโฆษณา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติ เป็นการสื่อสารที่อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเป็นจริงของค่าไฟฟ้าในปัจจุบัน
รัฐเตรียมซื้อไฟเพิ่ม 1,500 เมกะวัตต์ เสี่ยงภาระค่าไฟยาว 25 ปี
ไม่เพียงเท่านั้น วรภพ ยังเปิดเผยอีกว่า รัฐบาลมีแผนจะลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกถึง 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งสัญญาดังกล่าวมีอายุยาวถึง 25 ปี โดยไม่มีความชัดเจนว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร
วรภพ ตั้งคำถามถึงความจำเป็นของการซื้อไฟฟ้าในปริมาณมากเช่นนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศไทยมีไฟฟ้าสำรองเกินความต้องการใช้อยู่แล้ว หากดำเนินการตามแผนนี้จริง ประชาชนอาจต้องแบกรับค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษข้างหน้า
สงสัยทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อทุนพลังงานใกล้ชิดรัฐบาล
วรภพ ยังชี้ว่า การดำเนินนโยบายพลังงานในลักษณะนี้ มีลักษณะของ การเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนพลังงานที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล ซึ่งเป็นการ “ทุจริตเชิงนโยบาย” ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน ไม่ใช่เพียงการบริหารที่ผิดพลาด แต่คือการจัดการทรัพยากรของประเทศให้ตกอยู่ในมือของกลุ่มผลประโยชน์เพียงบางกลุ่ม
เขาเรียกร้องให้รัฐบาลมีความโปร่งใสและรับผิดชอบต่อประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังทุกข์หนักจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูล/ภาพ : มติชน