เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แสดงจุดยืนชัดเจนต่อกรณีการนำเข้าเหล็กไม่ได้มาตรฐานที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มทุนจีนสีเทา หลังเกิดเหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มลงมาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาได้สั่งการให้ตรวจสอบคุณภาพเหล็กทั่วประเทศอย่างเข้มงวด เพื่อหาสาเหตุและต้นตอของความผิดปกติที่อาจซ่อนอยู่ในโครงสร้างที่ควรจะมั่นคงที่สุด

ผลการตรวจสอบชี้ชัด พบเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. จำนวน 2,441 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 49 ล้านบาท โดยเหล็กเหล่านี้มีต้นทางมาจากการนำเข้าต่างประเทศ และมีความเชื่อมโยงกับทุนจีนบางกลุ่ม รายงานข่าวจากเว็บไซต์ บางกอกธุรกิจ ระบุชัดว่า เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหา “ทุนจีนสีเทา” ที่เคยเป็นเพียงกระแสพูดถึงลอยๆ แต่ครั้งนี้ได้ปรากฏตัวอย่างชัดเจนในเอกสารจริงและผลตรวจสอบของทางการ

เส้นทางการเมืองของเอกนัฏเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2554 ด้วยวัยเพียง 25 ปี และเป็น ส.ส. ที่อายุน้อยที่สุดในขณะนั้น ก่อนจะมีบทบาทโดดเด่นในฐานะโฆษกกลุ่ม กปปส. ในปี 2556 ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะนักการเมืองหนุ่มผู้กล้าแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน ต่อมาเขาเข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติในฐานะเลขาธิการพรรค และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน

การดำเนินการตรวจสอบเหล็กไม่ได้มาตรฐานครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงบทบาทในเชิงเทคนิคของกระทรวงอุตสาหกรรม แต่สะท้อนถึงความต่อเนื่องของบุคลิกทางการเมืองของเอกนัฏ ผู้ไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มอิทธิพล แม้ต้องแลกด้วยความเสี่ยงส่วนตัวหรือทางการเมืองก็ตาม

เขาเปิดเผยว่ามีความพยายามข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ และมีการเสนอเงินจำนวน 200–300 ล้านบาท ให้กับบางฝ่ายเพื่อดึงเขาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เขายืนยันหนักแน่นว่า “ไม่ได้ตั้งตนมานั่งรัฐมนตรี คนแต่งตั้งคือท่านนายกรัฐมนตรี” และจะไม่ยอมให้ผลประโยชน์กลุ่มใดกลบเสียงของประชาชนและความปลอดภัยของประเทศ

ขณะที่หลายฝ่ายเลือกที่จะนิ่งเฉยหรือประนีประนอมต่อทุนขนาดใหญ่ เอกนัฏกลับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของผลประโยชน์สีเทา การออกมาเปิดเผยและลงมือแก้ปัญหาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ไม่เพียงส่งแรงกระเพื่อมต่อระบบราชการ หากยังเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า มีนักการเมืองบางคนที่ยังพร้อมชนกับอิทธิพลจากต่างชาติ ไม่ว่าจะมาในรูปของการลงทุน หรือในคราบของภัยเงียบ

ข้อมูล/ภาพ : กรุงเทพธุรกิจ