วันนี้ (8 เมษายน 2568) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้หารือร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” โดยที่ประชุมมีมติเห็นพ้องให้เลื่อนการพิจารณาออกไปในสมัยประชุมสภาครั้งถัดไป เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลจัดการกับปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งรวมถึงมาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การเลื่อนดังกล่าวไม่ใช่การถอดถอนร่างกฎหมายออกจากวาระอย่างถาวร แต่เป็นการชะลอเพื่อจัดลำดับความสำคัญของประเด็นที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและเศรษฐกิจในวงกว้าง พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าในแนวทางการพัฒนาโครงการสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเป็นระบบและมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน
นางสาวแพทองธาร ระบุว่า สถานการณ์ภาษีที่อาจเกิดขึ้นจากสหรัฐฯ มีแนวโน้มกระทบภาคส่งออกของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมโยงกับตลาดสหรัฐฯ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องเตรียมมาตรการรองรับอย่างเร่งด่วนและรอบคอบ ทั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะสั้นและลดผลกระทบต่อแรงงานในภาคการผลิต
ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยยังคงเผชิญกับสถานการณ์แผ่นดินไหวในบางพื้นที่ที่ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ ฟื้นฟูที่อยู่อาศัย และฟื้นฟูจิตใจประชาชน โดยยึดความต้องการของชุมชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้การฟื้นฟูเกิดความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งประเด็นนี้ได้รับความเห็นชอบจากพรรคร่วมรัฐบาลว่า ควรให้ความสำคัญมากกว่าในช่วงเวลานี้
เมื่อถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวชัดเจนว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ถูกยกเลิก และรัฐบาลยังคงตั้งใจจะผลักดันให้เกิดขึ้น โดยจะใช้ช่วงเวลานี้ในการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมจากภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อให้ตัวร่างกฎหมายครอบคลุมทุกมิติ ลดความขัดแย้ง และตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นว่า การจัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่การเปิดให้มีบ่อนกาสิโนทั่วประเทศตามที่บางฝ่ายวิตก แต่เป็นโครงการที่มีกรอบกฎหมายชัดเจน ครอบคลุมธุรกิจบันเทิงหลายรูปแบบ ภายใต้การควบคุม กำกับ และอนุญาตอย่างเป็นระบบจากภาครัฐ โดยรัฐบาลจะออกใบอนุญาตให้เฉพาะในพื้นที่ที่มีความพร้อมและเหมาะสมเท่านั้น เพื่อป้องกันการกระจายของกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมและอาชญากรรม
รัฐบาลเชื่อว่า หากดำเนินการอย่างรอบคอบ โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ สร้างงานในระดับท้องถิ่น และเพิ่มรายได้จากภาษีเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่เลื่อนการพิจารณานี้ รัฐบาลจะให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งจัดเวทีรับฟังความเห็นและศึกษาโมเดลจากต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อให้แนวทางที่ประเทศไทยจะเลือกใช้ มีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและเป็นที่ยอมรับของสังคมในวงกว้าง โดยเน้นย้ำว่า การออกแบบกฎหมายจะต้องเป็นธรรม โปร่งใส และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
ข้อมูล/ภาพ : PPTV
