โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ กสทช. บนถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 2,643 ล้านบาทจากภาษีประชาชน ยังคงคาราคาซังมานานกว่า 6 ปี นับตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2562 โดยล่าสุดดำเนินการไปได้เพียง 75.95% แต่กลับจ่ายเงินไปแล้วมากกว่า 1,598 ล้านบาท สร้างความคลางแคลงใจต่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขององค์กร และ ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่ยังไม่เคยชี้แจงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน
งบทะลุ 1,598 ล้าน ความคืบหน้าแค่ 75% และการประมูลรอบใหม่ที่อาจต้องจ่ายเพิ่มอีก
โครงการสำนักงานใหม่ของ กสทช. เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 ด้วยเป้าหมายจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2565 แต่ข้ามปีมาจนถึงปี 2568 อาคารหลังนี้ยังตั้งตระหง่านอย่างว่างเปล่า และไม่สามารถใช้งานได้
กสทช. รายงานว่าโครงการมีความคืบหน้าเพียง 75.95% แต่กลับจ่ายเงินไปแล้วกว่า 1,598 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.49% ของงบทั้งหมด ขณะเดียวกัน กสทช. กำลังอยู่ระหว่าง “เตรียมประมูลรอบใหม่” เพื่อหาผู้รับเหมามาเก็บงานให้เสร็จ ซึ่งอาจนำไปสู่การจ่ายงบเพิ่มอีก ทั้งที่ยังไม่มีการสรุปบทเรียนจากรอบแรก
สถานการณ์นี้สร้างข้อกังขาในวงกว้าง โดยเฉพาะในเรื่องการวางแผน ความโปร่งใส และการควบคุมคุณภาพของโครงการ ที่ควรเป็นต้นแบบของหน่วยงานกำกับกิจการโทรคมนาคมของประเทศ แต่กลับกลายเป็นกรณีศึกษาของความล้มเหลว
คำตอบที่ไม่เคลียร์จากไตรรัตน์ กับเก้าอี้รักษาการที่นั่งยาวเกินเหตุ
ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กสทช. ตอบคำถามเรื่องความล่าช้าและงบประมาณที่บานปลาย ด้วยถ้อยคำสั้นๆ ว่า “อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างใหม่” โดยไม่ชี้แจงถึงกระบวนการตัดสินใจ ปัญหาที่เกิดขึ้น หรือแผนฟื้นฟูโครงการให้สำเร็จภายในกรอบงบที่เหลือ
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า ตลอดเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา กสทช. ทำอะไรอยู่? ทำไมไม่มีการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก? และเหตุใดองค์กรที่สำคัญระดับชาติแห่งนี้ จึงยังไม่มีเลขาธิการตัวจริงมาบริหารงานอย่างมีเอกภาพ
ท่ามกลางอาคารที่ยังไม่เสร็จ กลับพบว่าเก้าอี้ของ “รักษาการเลขาฯ” ยังอุ่นดีเช่นเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือรับผิดชอบใดๆ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับงบประมาณแผ่นดิน และความเชื่อมั่นของประชาชน
การดำเนินงานเช่นนี้จึงเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า แม้เงินจะรั่วไปแล้วเป็นพันล้าน แต่องค์กรกลับไร้ทิศทางและไร้คำอธิบายที่น่าเชื่อถือจากผู้บริหารระดับสูงที่สุด

ข้อมูล/ภาพ : ข่าวสด