ความเห็นต่าง “ไชยชนก-เพื่อไทย” สะเทือนสมดุลเกมอำนาจรัฐบาลผสม
ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” และ “ภูมิใจไทย” กำลังเผชิญบททดสอบครั้งสำคัญ เมื่อ ชนก ชิดชอบ หรือ “ไชยชนก” บุตรชายของ เนวิน ชิดชอบ ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านโครงการกาสิโนและเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ — สวนทางกับทิศทางหลักของรัฐบาลผสมที่พยายามผลักดันนโยบายนี้ให้เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
แม้ไชยชนกจะยังไม่ใช่แกนนำหลักของพรรคภูมิใจไทย แต่ท่าทีของเขาก็ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมทันที รายงานจากรายการ เรื่องใหญ่ Live Talk ทาง PPTV HD 36 ระบุว่า คุณ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงฝ่ายเพื่อไทย อาจรู้สึกไม่พอใจต่อคำประกาศจุดยืนดังกล่าว ซึ่งอาจลามไปถึงการตั้งคำถามเรื่อง “ภาวะผู้นำ” ภายในพรรคภูมิใจไทยเอง
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และหนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การแสดงออกของไชยชนกอาจ “ขาดวุฒิภาวะทางการเมือง” และส่งผลต่อการทำงานร่วมกันภายในรัฐบาล ทว่าในอีกมุมหนึ่ง นักวิเคราะห์หลายฝ่ายกลับมองว่า ท่าทีของไชยชนกครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามสร้างตัวตนทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ยึดติดกับอำนาจแบบเดิม แม้ต้องเสี่ยงเผชิญแรงต้านจากภายในพรรคและพันธมิตรทางอำนาจก็ตาม
คำถามสำคัญที่กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาคือ พรรคร่วมรัฐบาลนี้ “แนบแน่น” จริงหรือแค่เป็นภาพลวงตา? เพราะหากการแสดงความเห็นของสมาชิกในพรรคร่วมสามารถสร้างแรงสะเทือนในระดับผู้นำได้ขนาดนี้ ก็อาจหมายถึงโครงสร้างรัฐบาลกำลังเปราะบางกว่าที่คิด
ความเปราะบางนี้อาจยิ่งเด่นชัด เมื่อพิจารณาว่า หากพรรคเพื่อไทยต้องการผลักพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล ก็จะไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะภูมิใจไทยยังมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งสามารถหักเหเกมการเมืองในวินาทีสุดท้ายได้
ในเชิงภาพรวม นักวิเคราะห์ใช้คำว่า “stack ncy” อธิบายภาวะของรัฐบาลชุดนี้ นั่นคือการ “ทรงตัวอยู่ได้ แต่ไม่สามารถเคลื่อนขับอะไรใหญ่ได้” โครงการที่อ่อนไหวทางสังคมอย่างกาสิโน, การเกณฑ์ทหาร, มาตรา 112 หรือการแก้รัฐธรรมนูญจึงแทบไม่เคลื่อนไหว ขณะที่นโยบายที่ได้รับการยอมรับอย่าง “สมรสเท่าเทียม” เป็นเพียงประเด็นเดียวที่ทุกพรรคดูจะเห็นพ้องต้องกัน
ท่ามกลางความเงียบทางนโยบาย เสียงของไชยชนกที่ประกาศไม่เอากาสิโนจึงดังก้องเกินสถานะจริงของเขาในพรรค และอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “สงครามตัวแทน” ทางการเมือง ที่ไม่ได้สู้กันแค่ในเชิงนโยบาย แต่สู้กันเพื่อทิศทางของการเมืองไทยในรุ่นต่อไป
ข้อมูล/ภาพ : PPTV
