เขย่าเก้าอี้กลางกระทรวงพลังงาน!
เมื่อ “สนธิญา สวัสดี” อดีตนักการเมือง—ปัจจุบันนักร้องเรียนมืออาชีพ เดินถือแฟ้มเอกสารมุ่งหน้าไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปมถือหุ้นในบริษัทเอกชน 3 แห่ง ทั้งที่เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2566
ปมเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เหมือนหุ้นเล็กในกระดาน แต่เป็นเรื่องคุณสมบัติของ “รัฐมนตรี” ที่อาจไปเกี่ยวพันกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 และมาตรา 170 วรรคห้า ที่ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือหุ้นในบริษัทใด ๆ ที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการใช้อำนาจรัฐ
สนธิญาอ้างหลักฐานชัด — รายชื่อผู้ถือหุ้นจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า พีระพันธุ์ โอนหุ้นไปแล้วจริงหรือยัง หรือแค่ “โอนใจ” ไม่ได้โอนจริง?
ไม่เพียงเท่านั้น นายสนธิญายังขยี้ต่ออีกจุด—การอ้างถึง “องคมนตรี” ในการให้สัมภาษณ์ของพีระพันธุ์ โดยยกข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 12 ที่ห้ามมิให้ใครนำสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมือง เพื่อจุดประเด็นใหม่ที่ใหญ่กว่าตัวหุ้น
การยื่นคำร้องครั้งนี้ เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 41 และ 50 ของประชาชน ที่เปิดช่องให้ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ขณะที่ฝ่ายของพีระพันธุ์ยังไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหา บรรยากาศในกระทรวงพลังงานและพรรค รทสช. เริ่มมีเสียงกระซิบกันหนาหูว่า เกมนี้อาจมีมากกว่าแค่ตรวจสอบหุ้น แต่เป็นการเดินหมากทางการเมืองอีกชุด ปูพรมเปิดทางขยับเก้าอี้ใหญ่
อย่างไรก็ตาม ลูกหมากนี้จะ “ปลดล็อก” หรือ “ปลดรัฐมนตรี” ต้องจับตาจากน้ำหนักพยานหลักฐาน และแรงกระเพื่อมทางการเมืองที่เริ่มไหลซึมมาตามรอยร้าวเดิม

ข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ