“บิ๊กโอ” คว้าชัย ซ่อมเขต 8 นครศรีฯ ทิ้งห่าง ปชป. “ชินวรณ์” จมที่ 4

กกต.นครศรีธรรมราช ปิดหีบรายงานผลเลือกตั้งซ่อมเขต 8 อย่างไม่เป็นทางการ “บิ๊กโอก้องเกียรติ เกตุสมบัติ ตัวแทนพรรคกล้าธรรม โกยคะแนน 38,680 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสองอย่างขาดลอย ขณะที่ “ชินวรณ์ บุญยเกียรติ” แกนหลักพรรคประชาธิปัตย์ ร่วงไปอยู่อันดับ 4 ได้เพียง 4,190 คะแนน สะท้อนภาพการเมืองท้องถิ่นที่เปลี่ยนหน้าเร็วอย่างน่าจับตา

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 เขตเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช กลายเป็นเวทีชี้วัดอารมณ์การเมืองรอบใหม่ เมื่อการเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างเดินไปถึงโค้งสุดท้าย กกต.ประจำจังหวัดนับครบทั้ง 233 หน่วย ผลที่ได้คือมีผู้มาใช้สิทธิถึง 69.45% ของผู้มีสิทธิ 117,717 คน สะท้อนความคึกคักของคนเมืองคอนที่ยังศรัทธาในสิทธิของตัวเอง

ผลการนับคะแนน บอกอะไรหลายอย่างที่เกินกว่าตัวเลขในกระดาษ “บิ๊กโอ” หมายเลข 5 พรรคกล้าธรรม ผงาดขึ้นคว้าแชมป์ด้วยเสียงเกือบสี่หมื่น ขณะที่อันดับสอง “ไสว เลื่องสีนิล” พรรคภูมิใจไทย ตามมาแบบห่างๆ ที่ 28,417 คะแนน ส่วนอันดับสาม “ณัฐกิตต์ อยู่ด้วง” พรรคประชาชน ได้ไปเพียง 6,811 คะแนน ทิ้งช่วงห่างไกล

แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาที่สุด คือผลงานของ “ชินวรณ์ บุญยเกียรติ” ขุนพลเก่าประชาธิปัตย์ ที่รั้งอันดับสี่ ด้วยคะแนนเพียง 4,190 คะแนน ตัวเลขที่บอกชัดว่าภูมิทัศน์การเมืองนครศรีธรรมราช ไม่ใช่ของประชาธิปัตย์อีกต่อไปแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

บัตรดีในการเลือกตั้งครั้งนี้มีถึง 96.06% บัตรเสีย 1.33% และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 2.61% สะท้อนว่าสังคมการเมืองในเขต 8 ยังเข้มข้น มีการตัดสินใจที่ชัดเจน

ชัยชนะของบิ๊กโอ ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวบุคคล แต่กำลังบอกใบ้ถึงการเกิดใหม่ของพรรคการเมืองขนาดกลาง ที่อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการสมการใหญ่ระดับประเทศ — ขณะที่ปรากฏการณ์ “ชินวรณ์จมที่สี่” ก็น่าจะทำให้ประชาธิปัตย์ต้องกลับไปถามตัวเองใหม่อีกครั้งว่า… “เรายังเป็นพรรคของคนใต้ได้จริงอยู่หรือเปล่า?”

สนามเลือกตั้งเขต 8 ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การเลือกตั้งซ่อมธรรมดา แต่มันคือ “สัญญาณ” บางอย่างที่กำลังกระเพื่อมไปถึงเวทีใหญ่ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

เลือกตั้งซ่อม, นครศรีธรรมราช, เขต 8, ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ, ชินวรณ์ บุญยเกียรติ, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคกล้าธรรม

ข้อมูล/ภาพ : ไทยโพสต์

แพทองธารพบฮุน เซน เสริมสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เดินหน้าความร่วมมือเศรษฐกิจและรัฐสภา

พอล แชมเบอร์ส บทเรียนประชาธิปไตยจากคดีหมิ่นฯ ในไทย