กลางบรรยากาศผ่อนคลายริมฝั่งโขง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นไมค์แถลงหลังประชุม ครม.สัญจรที่นครพนม เซอร์ไพรส์กับกระแสข่าวลือสะพัดว่าเตรียมปรับเปลี่ยน ครม. ชุดใหญ่ เซอร์ไพรส์จนหลุดปากแซว “บิ๊กอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ว่า “โดนย้ายกระทรวงแล้ว” ท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนใหญ่จากคณะรัฐมนตรีที่ยืนรายล้อม
นางสาวแพทองธารยืนยันเสียงแข็ง ไม่มีแผนเปลี่ยนมือรัฐมนตรีใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมหยอดคำหวานให้กำลังใจรัฐมนตรีทุกคน อย่าเพิ่งหวั่นไหวกับข่าวลือ เพราะยังไม่มีความคิดจะปรับ ครม. แม้แต่นิดเดียว
แต่ขณะเดียวกัน กลับเลี่ยงตอบแบบตรง ๆ เรื่องนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ที่กำลังถูกจับตาเรื่องคุณสมบัติถือหุ้นเอกชน แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่า “ไม่น่าจะมีปัญหา” เพราะผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเข้มข้นจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วก็ตาม
ทว่าในโลกของการเมือง ไม่มีอะไรเรียบง่ายเหมือนคำพูด
ข้อมูลที่สื่อบางสำนักเปิดเผย ระบุว่าคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของนายพีระพันธุ์ มีการถือหุ้นในบริษัทเอกชน แม้จะไม่เกิน 5% แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 187 กำหนดชัดว่า รัฐมนตรีต้องไม่มีการถือหุ้นใด ๆ ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับรัฐ หากมีการยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยากจะคาดเดาว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร
เสียงหัวเราะในวง ครม. จึงอาจเป็นเพียงฉากหน้าชั่วคราว ซ่อนแรงกระเพื่อมที่กำลังตั้งเค้าอยู่เบื้องหลัง
ขณะที่นายพีระพันธุ์เองก็แสดงความไม่กังวล ยืนยันไม่ยึดติดกับตำแหน่ง จะอยู่หรือไปก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ในความเป็นจริงทางการเมือง การปล่อยให้ปัญหาแขวนค้างไว้นานเกินไป อาจกลายเป็นชนวนสะสม บั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาลโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น แม้จะยังไม่มีการปรับ ครม. วันนี้ แต่คำถามสำคัญคือ ถ้าวันพรุ่งนี้สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเลือก รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร?
ในเกมการเมือง ไม่มีที่ว่างสำหรับการนิ่งนานเกินเหตุ และไม่มีอะไรเรียกว่า “ปล่อยผ่าน” ได้จริง ๆ.

ข้อมูล/ภาพ : โพสต์ทูเดย์