เมื่อแรงงานต้องแบมือขอ…ในวันที่สังคมอื่นเขายืนแล้วเดิน
ในวันที่โลกอารยะต่างเปิดพื้นที่ให้แรงงานเป็น “เจ้าของประเทศร่วม” ไทยเรายังมีแรงงานต้องรวมตัว “เดินขบวน” เพื่อขอสิ่งที่ควรได้รับโดยไม่ต้องร้องขอเลยด้วยซ้ำ
ข้อเรียกร้อง 9 ข้อจากสหภาพแรงงานไทยในวันแรงงานปีนี้ ไม่ได้หวือหวา ไม่ได้เรียกเงินล้าน ไม่ได้หวังโบนัสเฟื่องฟู แต่วิงวอนถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ในบางประเทศกลายเป็น “สามัญสำนึกของรัฐ” ไปนานแล้ว
- เสรีภาพในการรวมกลุ่ม
- สิทธิในการเจรจาต่อรอง
- การมีสัญญาจ้างที่เป็นธรรม
- การป้องกันการเลิกจ้างกระทันหัน
- การดูแลหลังเกษียณ
- ความมั่นคงของผู้ประกันตน
- ค่าแรงที่มนุษย์ดำรงชีพได้
- การศึกษาอาชีวะที่เข้มแข็ง
- ระบบแรงงานที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ญี่ปุ่นไม่ต้องมีขบวนแรงงานเรียกร้อง “กองทุนรองรับการเลิกจ้าง” เพราะกฎหมายเขาสร้างตาข่ายความปลอดภัยไว้ล่วงหน้า
เยอรมนีไม่ต้องมีสหภาพมาออกแถลงการณ์เรื่อง “ค่าล่วงเวลาที่ไม่เท่าเทียม” เพราะทุกนาทีของแรงงานนับเป็นเงิน
นอร์เวย์ไม่ต้องยื่นหนังสือขอให้รัฐ “คิดถึงลูกจ้างรายวัน” เพราะรัฐคิดไว้ก่อนแล้ว และมองแรงงานเป็นคน ไม่ใช่ต้นทุน
ตรงกันข้าม ไทยคือประเทศที่แรงงานต้อง “ทำงานเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก เพื่อให้รัฐแค่ ‘รับปาก’ ว่าจะไปพิจารณา”
ขอถามตรง ๆ ว่า ทำไมสิทธิของแรงงานในประเทศนี้ ถึงต้องเริ่มต้นด้วยคำว่า “ขอ” ตลอดมา?
หากเศรษฐกิจไทยกำลังจะลุกขึ้นยืน แล้วแรงงานยังต้องคลาน มันคือความเจริญที่ใครได้ใครเสียกันแน่?
หรือเราแค่ใช้คำว่า “ฟื้นฟูเศรษฐกิจ” มาบดบังการลดคุณค่าคนทำงาน?
แรงงานไม่ใช่เบี้ยล่างในการเล่นหมากเศรษฐกิจ แต่คือกระดูกสันหลังที่ต้องตั้งตรงในโครงสร้างสังคม
วันแรงงานจึงไม่ใช่ “วันขอ” แต่ควรเป็น “วันย้ำ” ว่าแรงงานมีศักดิ์ศรี และรัฐมีหน้าที่ต้องไม่ลืม
อย่ารอให้แรงงานกลายเป็นแรงต้าน ก่อนรัฐจะยอมขยับในสิ่งที่ควรขยับมาตั้งแต่เมื่อวาน
