หุ้น 4 ใบ กับแรงสั่นสะเทือนถึงทำเนียบ
“นักการเมืองบางคนไม่ได้ล้มเพราะข้าศึก แต่เพราะหุ้นเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ในลิ้นชักความลืม”
“เก้าอี้รัฐมนตรีไม่ใช่ของใครถาวร แต่ความรับผิดชอบนั้นถาวรกว่าราคาในตลาดหลักทรัพย์”
สังคมการเมืองไทยไม่เคยนิ่ง และบางครั้งแรงสั่นสะเทือนก็ไม่ได้เริ่มจากการอภิปรายในสภา แต่จากการยื่นเอกสารเพียงไม่กี่แผ่น ณ ชั้นสำนักงาน ป.ป.ช. เช่นเดียวกับที่นายสนธิญา สวัสดี เพิ่งทำเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เขายื่นหลักฐานเพิ่มในกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังมีชื่อถือหุ้นอยู่ใน 4 บริษัทเอกชน ซึ่งหากถูกตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 187 — เกมการเมืองอาจเปลี่ยน
“การเมืองไม่ได้พังเพราะคำโกหกใหญ่โต แต่มักพังเพราะความจริงเล็กๆ ที่ไม่มีใครกล้าอธิบาย”
บริษัทที่ถูกยกมานั้น ไม่ได้เป็นบริษัทปิดตาย ไร้กิจการ หากแต่เป็นบริษัทที่มีกรรมการ มีรายได้ และนายพีระพันธุ์มีบทบาทในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหลายบริษัท
คำถามคือ หากถือหุ้นจริงตามเวลาที่ถูกกล่าวหา หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี แล้วไม่ได้โอนหรือจัดการตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด — ความรับผิดชอบควรหยุดอยู่ที่รัฐมนตรีเพียงคนเดียวหรือไม่?
“เมื่อไฟไหม้ที่ปลายเก้าอี้ จะมีใครบ้างที่นั่งนิ่งได้โดยไม่สะดุ้ง?”
หากกรณีนี้ถึงศาลรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยออกมาว่า “ผิด” ไม่เพียงแค่ตำแหน่งรัฐมนตรีที่จะสั่นคลอน แต่อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลทั้งหมด โดยเฉพาะตัวผู้นำที่แต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่ง
“ผู้นำที่เลือกคนผิด ไม่ได้พลาดแค่คน…แต่อาจพลาดทั้งรัฐบาล”
คำถามจึงไม่ได้อยู่แค่ที่หุ้น แต่คือ “ความรู้ ความตั้งใจ และความรับผิดชอบของคนในคณะ” ที่จะถูกนำมาชั่งน้ำหนักในทางการเมือง และในศาลประชาชน
เพราะหากไม่มีใครรับผิดชอบได้อย่างแท้จริง ระบบที่ถูกเรียกว่า “โปร่งใส” อาจกลายเป็นเพียงฉากใสๆ ที่ซ่อนเงามืดไว้ด้านหลัง

ข้อมูล/ภาพ : สำนักข่าวไทย