บทบาทของ “ถุงยังชีพ” ควรเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังในยามยาก แต่กรณีของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กลับพลิกบทบาทของมันให้กลายเป็น “ถุงสะดุดใจ” ที่ประชาชนไม่แน่ใจว่าได้ของช่วยชีวิต หรือได้ของที่แฝงเจตนาแสดงตน
เมื่อมีการเปิดเผยว่า บนถุงยังชีพเหล่านั้นมีชื่อและภาพของนักการเมืองท่านนี้ติดอยู่ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ข้าวสารอาหารแห้ง แต่อยู่ที่ “ภาพ” บนถุง ซึ่งถูกตีความได้มากกว่าหนึ่งนัย
ถุงเหล่านี้ไม่ได้มาจากงบส่วนตัว แต่มาจากการสนับสนุนของรัฐวิสาหกิจ อาทิ ปตท. และ กฟผ. หน่วยงานที่ใช้เงินจากภาษีประชาชน นี่เองที่ทำให้ ป.ป.ช. ต้องเข้ามาตรวจสอบว่า เป็นการแสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ พร้อมนัดหมายให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
แล้วก็ไม่เกินคาด “เสธหิ” หรือ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คนใกล้ชิด ออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า นายพีระพันธุ์ “ไม่เห็น” สติกเกอร์ที่ติดอยู่ และ “ไม่ได้มีเจตนา” แสวงหาผลประโยชน์ เมื่อรู้ก็สั่งให้หยุดแจกทันที
แต่คำว่า “ไม่เห็น” นั้น เป็นประโยคที่ฟังแล้วเหมือนคุ้นในห้องประชุมกรรมาธิการ หรือหน้าไมค์นักการเมือง เพราะ “ความไม่รู้” นั้นมักจะมาก่อน “ความไม่ผิด” อยู่เสมอ
“ในประเทศที่ความรับผิดชอบขึ้นกับว่าเห็นหรือไม่เห็น ใครหลับตาก่อนก็รอดก่อน”
เรื่องนี้จึงกลายเป็นบทเรียนสำคัญว่า แม้แต่การแจกของก็ต้องรอบคอบ หากไม่ใช่ของส่วนตัวแล้ว “ภาพ” ที่แนบมาด้วยย่อมไม่ควรถูกมองข้าม เพราะทุกอย่างในโลกการเมืองมีความหมาย — และทุกความหมายมีราคา
ความน่าสนใจคือ ถุงยังชีพนี้ไม่ได้ถูกทำขึ้นอย่างเฉพาะกิจ แต่ดูเหมือนมีการเตรียมการระดับหนึ่ง มีภาพ มีชื่อ ติดเรียบร้อยแบบที่เรียกว่า “ตั้งใจดีเกินไป” จนหลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เรื่องนี้…รู้เห็นแค่ไหน?
แม้ เสธหิ จะพยายามเบี่ยงเบนประเด็นไปเปรียบกับละคร “พิภพมัจจุราช” แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง การเมืองไม่ใช่เรื่องบทละคร และประชาชนก็ไม่ใช่ตัวประกอบ
“ของที่แจกไปหมด แต่ศรัทธาที่เสียไป…ยังไม่เห็นว่าจะคืนกลับมาอย่างไร”
ที่น่าจับตาไม่ใช่แค่คำอธิบาย แต่คือกระบวนการ “จัดการความผิดพลาด” ที่ดูเหมือนจะรีบ เร็ว และเป็นระบบมากกว่าการแจกถุงยังชีพเสียอีก
แม้บทสรุปของ ป.ป.ช. จะยังมาไม่ถึง แต่ในสายตาสาธารณะ ความไว้ใจที่เคยมีกับบุคคลในเครื่องแบบ หรืออดีตผู้มากบารมี กำลังถูกถามซ้ำว่า “นี่หรือคือการกระทำของผู้นำ?”
และในประเทศที่ประชาชนยังต้องรอของแจกทุกหน้าฝน คนที่แจกก็ควร “ให้” ด้วยใจ ไม่ใช่ “แนบ” ด้วยหน้า
