หมอเกศ บทเรียนเรื่องคุณสมบัติในสังคมที่เคยพอใจกับแค่เจตนาดี

บางครั้ง คนเราไม่ได้ล้มเพราะสิ่งใหญ่โต
แต่สะดุดก้อนหินเล็ก ๆ ที่ตัวเองวางไว้โดยไม่รู้ตัว

กลางปี 2567 ขณะที่สังคมยังถกเถียงกันไม่จบว่า “การแต่งตั้ง ส.ว.” ควรอยู่ในมือใคร เสียงเงียบหนึ่งกลับดังขึ้นอย่างมีน้ำหนัก

พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือที่ใครหลายคนรู้จักในนาม “หมอเกศ” ก้าวเข้าสู่เวทีสมาชิกวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงมากที่สุดในประเทศจากระบบคัดเลือกใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้น เธอเป็นแพทย์หญิง เป็นนักธุรกิจความงาม เป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ เป็นพิธีกรรายการสุขภาพ เป็นคนที่ทำงานลงพื้นที่จริง และที่สำคัญที่สุด เธอคือคนที่ดูมีเจตนาดี

หลายคนบอกว่านี่คือภาพแทนของการเมืองแบบใหม่ คนที่ไม่ได้มาจากขั้วอำนาจ แต่ใช้ภาพลักษณ์ของการลงมือทำจริงมาโน้มน้าวใจผู้เลือก

แต่แล้วเรื่องราวก็กลับตาลปัตร… ไม่ใช่เพราะเธอพูดผิด หรือทำผิด
แต่เพราะใบปริญญาใบนั้น

“California University” กับคำถามที่เริ่มก้องดัง

จากข้อมูลที่เปิดเผย หมอเกศระบุว่าเธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจาก California University แต่เมื่อตรวจสอบ กลับพบว่าสถาบันดังกล่าวไม่มีการรับรองจากหน่วยงานด้านการศึกษาในสหรัฐฯ และไม่มีชื่อในระบบรับรองคุณวุฒิของไทย

คำถามจึงไม่ได้อยู่ที่ “เธอมีความรู้ไหม” แต่อยู่ที่ “ความรู้นั้นมีที่มาถูกต้องหรือไม่”

ในโลกยุคที่ข้อมูลตรวจสอบได้มากกว่าคำพูด บางสิ่งจึงไม่สามารถยืนอยู่บนเพียงความตั้งใจ

ความรู้ ≠ คุณสมบัติ

เมื่อกฎหมายกำหนดว่าผู้สมัครต้องมีวุฒิการศึกษาตามเกณฑ์ ความรู้ที่วัดไม่ได้จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่กลายเป็นเรื่องของคุณสมบัติ

ปลายเดือนเมษายน 2568 คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติชัดเจน ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหมอเกศ 20 ปี พร้อมบทลงโทษตามกฎหมาย

มันไม่สำคัญว่าเธอช่วยคนมากี่ชีวิต บริจาคมากี่ครั้ง หรือทำคลิปสุขภาพดีแค่ไหน
เมื่อฐานที่ตั้งของตำแหน่งนั้นไม่มั่นคง ทุกสิ่งก็สั่นคลอนไปด้วย

เราพอใจกับแค่ “ความดี” หรือยังต้องการ “ความถูกต้อง” ด้วย?

ในสังคมที่ยังเต็มไปด้วยช่องโหว่ของระบบ
เราคุ้นชินกับการปล่อยผ่านคนที่ “ตั้งใจดี” แม้ไม่มีคุณสมบัติครบ
เราเคยคิดว่า “ทำดีก็พอแล้ว”
แต่กรณีนี้กลับเตือนเราว่า “พอแล้ว” ไม่เคยพอ

เมื่ออำนาจเป็นเรื่องของความไว้วางใจ
ความรู้ที่พิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่ต่างจากสัญญาที่ไม่มีลายเซ็น

เราจะไปทางไหนต่อ?

บางคนอาจมองว่านี่เป็นแค่เรื่องของคนคนหนึ่ง
แต่ถ้าสังคมไม่สามารถแยกแยะเจตนาดีออกจากหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนได้
เราก็อาจกำลังสร้างวัฒนธรรมใหม่ ที่ให้คุณค่ากับ “ความรู้สึก” มากกว่า “ข้อเท็จจริง”

และในระยะยาว เราอาจต้องถามตัวเองว่า
ในโลกที่คนทำดีมากมาย เราจะให้ที่ยืนเฉพาะคนที่ “ดูดี” หรือคนที่ “ถูกต้อง” จริง ๆ กันแน่?

เรื่องของหมอเกศไม่ใช่แค่ข่าวการเมือง
แต่มันคือบทเรียนที่ชัดเจนว่า
คุณสมบัติ ไม่ใช่ของแถม
และ ความรู้ ต้องพิสูจน์ได้
ไม่ใช่แค่รู้สึกว่ามี

หมอเกศ, สมาชิกวุฒิสภา, คุณสมบัติผู้สมัคร, ปริญญาเก๊, กกต.

ไฟดับกลาง กสทช. วาระสำคัญถูกเลื่อน ผลประโยชน์ประชาชนมืดมน

เชื่อใจผิดชีวิตพัง สาวแสบหลอกขายตั๋ว-ที่พัก สูญ 10 ล้าน บทเรียนจากต่างประเทศที่ไทยไม่เคยเรียนรู้