ในฤดูร้อนทางการเมืองที่ผู้แทนเริ่มหนีแดดไปหาร่มไม้ใหญ่ พรรคประชาชนเองก็ไม่พ้นพายุภายในที่เริ่มแทรกซึมออกมาจากทุกช่องทาง และชื่อหนึ่งที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของปรากฏการณ์นี้ คือ “กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์” ส.ส. เขต 6 ชลบุรี ที่กล้าประกาศ “แยกทาง” อย่างไม่เกรงใจใคร
ใครคือเธอ? สำหรับคนในพื้นที่ บางคนอาจรู้จักเธอดีในฐานะนักการเมืองหญิงที่กล้าพูด กล้าขยับ ไม่ใช่ไม้ประดับในสภา เธอมีบทบาทในกรรมาธิการหลายชุด โดยเฉพาะเรื่องคมนาคมที่ประชาชนในภาคตะวันออกตั้งความหวังไว้สูง ทว่าเส้นทางการเมืองของเธอกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้เข้าสู่สภาฯ ในนามพรรคประชาชน แต่แนวทางที่เธอเลือกเดินกลับไปไกลจากวิถีพรรคแบบไม่เผื่อเหลียวหลัง
ขัดแย้งในพรรคใช่ไหม? ใช่แน่นอน แต่ไม่ใช่เรื่องตำแหน่งหรือผลประโยชน์ หากแต่เป็น “วิธีคิด” ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในพรรคประชาชนที่ขึ้นชื่อเรื่องความนิ่ง ยึดหลัก “ไม่เอาใคร ไม่ต้านใคร” แต่เธอกลับเลือกจะพูดเรื่อง “ผลประโยชน์ของประชาชน” อย่างเปิดเผย ต่อหน้าสภาและสื่อ ความเงียบคือความมั่นคงของพรรค แต่การเปิดประเด็นคือ “ความเสี่ยง” ของเธอ และนั่นคือจุดเริ่มของการถูก “เข้าห้องเย็น” ทั้งในนามและในพฤติกรรมทางการเมือง
เมื่อความชัดเจนทางอุดมการณ์ถูกตีความว่า “ไม่เหมาะสม” เธอจึงเลือกจะลุกจากโต๊ะ ก่อนที่ความฝืดจะกลืนความฝันของเธอไปมากกว่านี้
พรรคใหม่ที่เธอกำลังมุ่งหน้าไปอาจยังไม่มีเก้าอี้รัฐมนตรีมอบให้ แต่อย่างน้อย มันคือพรรคที่ยินดีเปิดพื้นที่ให้ “คนที่มีเสียงในใจตัวเอง” ซึ่งหากคุณติดตามข่าว จะพบว่าเธอไม่ได้ถูกทาบทามเพียงพรรคเดียว แต่ยังมีข้อเสนอจากอีกหลายพรรค ที่หวังจะได้คนอย่างเธอเข้าสู่ระบบ ทั้งเงิน ทั้งรถ ทั้งตำแหน่ง แต่เธอกลับเลือก “พรรคกล้าธรรม” พรรคเล็กที่มีแค่ “อุดมการณ์ใหญ่”
คำถามที่ประชาชนควรถามไม่ใช่ว่าเธอไปไหน แต่ควรถามว่า “ทำไมต้องไป?”
และคำตอบนั้น ไม่ได้ซับซ้อนเกินไปกว่าเรื่องที่เราทุกคนเคยเผชิญ การทำงานกับองค์กรที่ไม่เปิดใจให้คุณโตอย่างที่คุณเป็น
