มันไม่ใช่แค่คำด่าลอยๆ ในโลกออนไลน์อีกต่อไป
เพราะประโยคสั้นๆ ที่ฟาดลงบนเฟซบุ๊กของ ส.ส.ฟลุ๊ค “กูไม่กลัวมึง ไอ้ J” ไม่ได้หล่นมาเฉยๆ แต่หล่นลงกลางสนามการเมืองที่ร้อนระอุที่สุดแห่งหนึ่งในปริมณฑล… “ปทุมธานี”
หลายคนอ่านผ่านๆ ก็อาจคิดว่าแค่ดราม่าระหว่างนักการเมืองสองรุ่น
แต่ถ้าลองเปิดแผนที่การเมืองดูให้ชัด เราจะเห็นว่า “เขต 5 ปทุมธานี” ไม่ใช่แค่สนามเลือกตั้งธรรมดาๆ
ที่นั่นคือพื้นที่ชำระแค้น สมรภูมิที่ครอบครัวหลีนวรัตน์เพิ่งกวาดเก้าอี้สำคัญในท้องถิ่น
ตั้งแต่นายกเทศมนตรียัน ส.ท.
ฝั่งตรงข้ามคือ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ “บิ๊กแจ๊ส” อดีต ผบช.น.
เจ้าของตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี
ผู้ไม่เคยยอมให้ใครมาหักหน้าในพื้นที่ที่ตนเองถือว่า “ต้องมีคนคุม”
มันไม่ใช่แค่การเมืองระดับตำบลอีกต่อไป
แต่คือการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลที่ต่างประกาศศักดาว่าตนเองคือ “เจ้าถิ่นตัวจริง”
“ไอ้ J” ที่ถูก ส.ส.ฟลุ๊คสาดคำด่ากลางโซเชียลนั้น ไม่มีใครในปทุมธานีไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร
เพราะไม่มี “J” คนไหนในพื้นที่จะใหญ่ไปกว่า “แจ๊ส”
ประโยคเดียวจึงกลายเป็น “ระเบิดเวลา”
ที่อาจปลุกสงครามการเมืองในพื้นที่ให้เดือดปุดๆ ได้อีกระลอก
ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปดูเส้นเรื่อง จะพบว่านี่ไม่ใช่แค่การขัดแย้งเฉพาะหน้า
แต่มันเป็น “ศึกเก่า” ที่มีตั้งแต่ยุคเลือกตั้งนายกเทศมนตรี
ลากยาวมาถึงเหตุการณ์ลูกพีช น้องชายฟลุ๊ค ขับรถบีเอ็มฯ ชนสองตายาย
เรื่องนั้นบิ๊กแจ๊สก็ออกมาฟาดไม่ไว้หน้าใคร
ฝ่ายหนึ่งคืออดีตตำรวจใหญ่ที่มีบารมี
อีกฝ่ายคือทายาทนักการเมืองท้องถิ่นรุ่นใหม่ที่กำลังฮึกเหิม
ใครจะถอย? ไม่มีทาง
ใครจะยอม? ยิ่งไม่ใช่
เพราะนี่คือพื้นที่เดียวที่ “อำนาจ” และ “ศักดิ์ศรี” เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินกันที่สนามเลือกตั้ง… หรือไม่ก็ที่หน้าฟีดเฟซบุ๊ก
และนี่คือคำถามสำคัญที่ประชาชนต้องถามตัวเองให้ชัด…
ระหว่างเกมด่าข้ามเพจ กับนโยบายเพื่อปากท้อง
เราอยากได้แบบไหน?
เพราะ “ไม่กลัวมึง” มันอาจจะแค่ประโยคเท่ๆ
แต่ถ้าประชาชนยังกลัวความจน ยังไม่เห็นอนาคต
ก็อย่ามัวดูนักการเมืองเล่นหมัดกันเพลิน
จนลืมว่าคนที่ควรกลัว… ไม่ใช่ “J” หรือ “ฟลุ๊ค”
แต่คือรัฐบาลที่ไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลยสักอย่าง
