ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้กำกับดูแล DSI และรองประธานคดีพิเศษชั่วคราวเมื่อ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา สังคมไทยอาจมองว่าเป็นเพียงอีกหนึ่งคำสั่งในกระบวนการตรวจสอบอำนาจของฝ่ายการเมือง แต่…เรื่องนี้มันควรจบแค่นั้นจริงหรือ?
คำร้องมาจากสมาชิกวุฒิสภาถึง 92 คน ที่กล่าวหาว่าทวีใช้อำนาจกรมสอบสวนคดีพิเศษก้าวล้ำไปแตะ “เขตแดนเลือกตั้ง ส.ว.” อันเปราะบาง คำถามจึงไม่ใช่แค่ว่า “เขาทำผิดหรือไม่” แต่คือ “การตั้งคำถามกับระบบ ส.ว. ที่อ่อนไหวถึงขั้นนี้ มันควรถูกปิดปากไว้ด้วยข้อกล่าวหานี้หรือ?”
ทวี สอดส่อง ไม่ใช่นักการเมืองธรรมดา เขาคือนักกฎหมาย ผู้คร่ำหวอดกับภารกิจในจังหวัดชายแดนใต้ ผู้ร่วมถกเถียงเรื่องสิทธิมนุษยชนในเวทีรัฐสภา เรื่องการกำกับ DSI จึงไม่ใช่ตำแหน่งที่เขารับมาแบบลอย ๆ หากแต่มาพร้อมเจตนา “ใช้อำนาจตรวจสอบอย่างมีหลักการ”
แต่เมื่อการใช้อำนาจนั้นไปแตะ “พื้นที่ต้องห้าม” ที่ผูกโยงกับอำนาจเก่าที่ยังไม่ไปไหน ก็กลายเป็นเรื่องต้องหยุด
คำถามสำคัญจึงคือ…หาก พ.ต.อ. ทวี ถูกพักเพียงเพราะตรวจสอบ “สิ่งที่ไม่ควรถูกตรวจสอบ” แล้วใครเล่าควรเป็นผู้ตรวจสอบ “อำนาจที่แตะต้องไม่ได้”?
ศาลไม่ได้บอกว่าทวีผิดหรือถูก ยังเป็นเพียงการ “หยุดเพื่อพิจารณา” ซึ่งเราควรเคารพกระบวนการนี้อย่างไม่ลังเล
แต่ในขณะเดียวกัน สังคมควรตั้งคำถามอย่างไม่เกรงใจ
ว่า…เราอยู่ในประเทศที่ “การกล้าถาม” ต้องแลกด้วยการ “ถูกหยุดทำงาน” หรือไม่?
